"เงินเทอร์โบ" จ่อขาย IPO ไม่เกิน 537 ล้านหุ้นหลังนับหนึ่งไฟลิ่ง ใช้ขยายธุรกิจ-คืนเงินกู้

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 1, 2025 15:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายคมกฤต รักษากุลเกียรติ หัวหน้าวาณิชธนกิจ ธนาคารทิสโก้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.เงินเทอร์โบ [TURBO] กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 537 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 20.10 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้

โดยแบ่งเป็น 1) การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 447.78 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 16.8 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ และ 2) การเสนอขายหุ้นสามัญเดิมของบริษัทฯ โดยบริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด จำนวนไม่เกิน 89.22 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 3.3 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ ล่าสุด

ปัจจุบัน TURBO อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเพื่อเสนอขายหุ้น IPO โดยมีแผนนำเงินไปใช้ขยายธุรกิจให้บริการการเงินของกลุ่มบริษัทฯ ชำระคืนเงินกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจมุ่งสู่ผู้บริการทางการเงินแก่กลุ่มลูกค้ารายย่อยชั้นนำระดับประเทศ

นายสุธัช เรืองสุทธิภาพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TURBO เปิดเผยว่า บริษัทเป็นผู้ให้บริการทางการเงินแก่กลุ่มลูกค้าที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงิน หรือสามารถเข้าถึงแต่ได้รับบริการไม่ครบถ้วน ภายใต้ความต้องการที่จะเห็นผู้คนในทุกๆ ชุมชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและบริการทางการเงินที่มีความน่าเชื่อถือ และมีความสมเหตุสมผล

ปัจจุบันแบ่งการให้บริการเป็น 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1. ธุรกิจสินเชื่อ ซึ่งประกอบไปด้วยสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน สินเชื่อโฉนดที่ดิน และสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ 2.ธุรกิจนายหน้าประกันภัยและนายหน้าประกันชีวิต และ 3.ธุรกิจจำหน่ายสินค้าเงินสดและเงินผ่อน โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 บริษัทฯ มีสาขาทั้งสิ้น 996 แห่ง กระจายอยู่ในพื้นที่ 54 จังหวัดทั่วประเทศ

กลุ่มบริษัทมีจุดแข็งในการดำเนินธุรกิจที่สำคัญ ประกอบด้วย 1) การบริการที่สะดวก รวดเร็วและเข้าใจลูกค้า จากการที่กลุ่มบริษัทฯ ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการประเมินและอนุมัติสินเชื่อ รวมถึงให้ความสำคัญการพัฒนาความรู้ และทักษะที่จำเป็นเพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการของพนักงานสาขา ทำให้ลูกค้าได้รับบริการที่ตรงจุด จนเกิดเป็นความประทับใจนำไปสู่การแนะนำบอกต่อ โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 มีลูกค้าที่มาจากการแนะนำบอกต่อสูงถึงร้อยละ 20

2) การขับเคลื่อนองค์กรผ่านเทคโนโลยี กลุ่มบริษัทฯ มีฝ่ายเทคโนโลยีที่ใหญ่และมีศักยภาพ โดยปัจจุบันพนักงานในฝ่ายเทคโนโลยี และ ฝ่ายข้อมูล คิดเป็นร้อยละ 32.3 ของจำนวนพนักงานสำนักงานใหญ่ทั้งหมด ทำให้สามารถพัฒนาระบบเทคโนโลยีที่มีความเหมาะสม เฉพาะเจาะจงกับวฺธีการทำงาน ซึ่งช่วยสร้างความยืดหยุ่นในการพัฒนา ปรับปรุง ระบบเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว ทำให้สามารถรักษาต้นทุนให้อยู่ในระดับต่ำได้ในระยะยาว ดังจะเห็นได้จากค่าใช้จ่ายการดำเนินงานต่อสาขาของกลุ่มบริษัทฯ ที่อยู่ 1.3 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมที่ 2.3 ล้านบาท

3) การบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพและครอบคลุม โดยนำเทคโนโลยีมาเป็นตัวช่วยสนับสนุนการทำงานตั้งแต่การปล่อยสินเชื่อ การติดตามทวงถามหนี้ และ การบริหารสินทรัพย์ เพื่อลดข้อผิดพลาดในการทำงาน นอกจากนี้กลุ่มบริษัทฯ ยังมีการติดตามผลข้อมูลที่เป็นปัจจุบันเพื่อปรับกลยุทธ์ได้อย่างทันท่วงที ดังจะเห็นได้จากการที่กลุ่มบริษัทฯ สามารถควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ผ่านอัตราส่วนรายได้รวมหักค่าใช้จ่ายผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อลูกหนี้เงินให้กู้ยืมสุทธิเฉลี่ย ซึ่งสูงที่สุดในอุตสาหกรรมที่ร้อยละ 21.8

นายสุธัช กล่าวต่อว่า แม้เศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาจะมีความท้าทาย แต่กลุ่มบริษัทฯ ก็สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด จากการให้ความสำคัญสูงสุดกับคุณภาพการให้บริการ พอร์ตสินเชื่อของกลุ่มบริษัทฯ เติบโตจาก 3,282 ล้านบาทในปี 2563 เป็น 11,263 ล้านบาท ณ 30 มิถุนายน 2568 และยังคงมีอัตราดอกเบี้ยรับ (Yield on Loan) ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568 บริษัทฯ มีอัตราดอกเบี้ยรับ (Yield on Loan) อยู่ที่ร้อยละ 24.2 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดที่ร้อยละ 17.5


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ