
นายองอาจ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บมจ.แสนสิริ [SIRI] กล่าวว่า ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา แสนสิริสร้างยอดขายคอนโดแล้วกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากความสำเร็จของโครงการ บนทำเล Strategic Location อาทิ พีทีวาย เรสซิเดนซ์ สาย 1 แฟลกชิพคอนโดมิเนียมบนถนนเลียบหาดพัทยาสาย 1 (พัทยากลาง) ที่สามารถปิดการขายในวันพรีเซลล์ได้หมดภายใน 3 ชั่วโมงด้วยยอดขาย 3.3 พันล้านบาท และยังได้รับกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมจากคอนโดมิเนียมในเมืองท่องเที่ยวทุกโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการในภูเก็ต อย่าง เดอะ เบส เชิงทะเล, เดอะ เบส ไรส์ ภูเก็ต, เดอะ เบส บูกิต ภูเก็ต รวมถึง แคนวาส เชิงทะเล และล่าสุดยังสามารถปิดการขายได้เพิ่มอีก 3 โครงการ ได้แก่ เนีย บาย แสนสิริ, พินน์ ศูนย์วิจัย และ ดีคอนโด รีฟ ภูเก็ต
บริษัทเดินหน้าลุยส่งมอบคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จพร้อมอยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี เพื่อสนับสนุนยอดขายและรับรู้รายได้ทันที โดยปัจจุบันมียอดโอนแล้วกว่า 7 พันล้านบาท และจะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องจากการโอนคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ 5 โครงการ มูลค่ารวม 6.6 พันล้านบาท นำร่องด้วย โฟล บาย แสนสิริ คอนโดวิวแม่น้ำ เพียง 350 เมตร ถึง BTS คลองสาน เพียง 3 นาที ถึง ICONSIAM เริ่ม 3.29 ล้าน ปัจจุบันสร้างยอดขายแล้วกว่า 70% และยังมีโครงการพร้อมส่งมอบอย่างต่อเนื่อง อาทิ ดีคอนโด คาล์ม รามคำแหง 40 และ เดอะ มูฟ พอว์ บางแค และในไตรมาส 4/68 แสนสิริจ่อคิวโอนอีก 2 โครงการไฮไลท์บนทำเลศักยภาพใน Strategic Location ของภูเก็ตและเชียงใหม่ ได้แก่ แคนวาส เชิงทะเล ภูเก็ต ลักซ์ชัวรี่คอนโดมิเนียมแบรนด์ ใหม่ล่าสุดเฉพาะภูเก็ตเท่านั้น เริ่ม 8.9 ล้าน ปัจจุบันกวาดยอดขายแล้วกว่า 60% และ เมคิน เฮาส์ (เชียงใหม่) โครงการแรกภายใต้แบรนด์ HAUS ในเชียงใหม่และต่างจังหวัด มาพร้อมกับไฮไลท์คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้แห่งแรกในเชียงใหม่ เพียง 200 เมตร จากเซ็นทรัล เฟสติวัล เริ่ม 4.19 ล้าน ปัจจุบันสร้างยอดขายแล้วกว่า 70%
ในช่วงหลังจากนี้ แสนสิริเตรียมเปิดพรีเซลล์คอนโดใหม่อีก 4 โครงการ มูลค่ารวม 1.12 หมื่นล้านบาท เพื่อผลักดันยอดขายและเพิ่ม Backlog สนับสนุนรายได้ระยะยาว ซึ่งเป็นหนึ่งในคีย์ไดร์เวอร์สำคัญขับเคลื่อนองค์กร โดยแต่ละโครงการมีจุดเด่นและเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 3 โครงการไฮไลท์ ได้แก่ เดอะ เบส เออร์เบิร์น พระราม 9 คอนโดใหม่ขายพร้อมโอน บนทำเลเชื่อมต่อพระราม 9 เพชรบุรี ทองหล่อ เริ่ม 3.79 ล้าน, ไวด์เด็น บาย แสนสิริ คอนโดใหม่บนทำเลนางลิ้นจี่ เพียง 5 นาทีถึงสาทร เริ่ม 8.9 ล้าน และ เซลฟ์ บาย แสนสิริ คอนโดใหม่ ใจกลางพระราม 4 ติดรถไฟฟ้า เริ่ม 3.59 ล้านบาท พร้อมสานต่อความสำเร็จคอนโดมิเนียมในเมืองภูเก็ต เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่บนทำเลกะทู้ ภูเก็ต
ตลาดคอนโดมิเนียมปัจจุบันสะท้อนให้เห็นถึงภาวะที่อุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply) มีแนวโน้มทรงตัว โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อตลาดมีหลายประการ ได้แก่ ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ในประเทศ ทั้งด้านการเมืองและภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ต้นทุนที่สูงขึ้น ทั้งในส่วนของราคาที่ดินที่หายากขึ้นและต้นทุนแรงงาน รวมถึงความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กและรายย่อยชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ และ ปัจจัยภายนอก ที่เป็นเหตุการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ทั้งแผ่นดินไหว, ความผันผวนของนโยบายภาษีและการค้าระหว่างประเทศ และจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง ล้วนเป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงให้กับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เมื่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศคงที่ ย่อมส่งผลกระทบต่อเนื่องถึง GDP ของประเทศ รวมถึงความเชื่อมั่นและกำลังซื้อของผู้บริโภค ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันอยู่ในภาวะชะลอตัว
"มากกว่า 40 ปีในวงการอสังหาริมทรัพย์ แสนสิริได้เผชิญกับความท้าทายและวิกฤตมานับไม่ถ้วน ซึ่งวิกฤตกับโอกาสเป็นของคู่กัน ทุกวิกฤตทำให้เราแข็งแกร่ง และเติบโตขึ้น กับ 5 กลยุทธ์สำคัญ สู่ความสำเร็จ ได้แก่ การพัฒนาคอนโดมิเนียมบน Strategic Location และการกระจาย Portfolio ให้ครอบคลุม แสนสิริให้ความสำคัญกับการเลือกทำเลที่ตั้งโครงการในจุดยุทธศาสตร์ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกเซกเมนต์ ครอบคลุมทุกโปรดักส์ ทุกระดับราคา ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าในแต่ละทำเล โดยเน้นในจังหวัดหัวเมืองหลัก เมืองท่องเที่ยว แหล่งงานและแหล่งการศึกษา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง SPEED TO MARKET แสนสิริพร้อมเปลี่ยนแปลงและปรับตัวไวรองรับทุกสถานการณ์" นายองอาจ กล่าวทั้งนี้ แสนสิริมั่นใจว่าจะยังคงรักษาระดับการเติบโตพอร์ตคอนโดมิเนียมของบริษัทได้ตามเป้าหมายยอดขายคอนโดมิเนียมที่ 1.9 หมื่นล้านบาท พร้อมครองตำแหน่งผู้นำตลาดอันดับหนึ่งต่อเนื่อง ร่วมสร้างความเชื่อมั่น และไม่หยุดนิ่งผลักดันการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย ควบคู่กับการให้ความสำคัญกับสังคมและดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน