CONSENSUS: COM7 ครึ่งปีหลังแจ่มเข้าไฮซีซั่น เปิดตัว iPhone 17 ลุย Non-Retail เทคฯ MVP ต่อยอดยาว

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 15, 2025 18:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

CONSENSUS: COM7 ครึ่งปีหลังแจ่มเข้าไฮซีซั่น เปิดตัว iPhone 17 ลุย Non-Retail เทคฯ MVP ต่อยอดยาว

โบรกแนะนำ "ซื้อ" หุ้น บมจ.คอมเซเว่น [COM7] มองกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยบวกในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะการเปิดตัวสินค้าใหม่ค่าย Apple อย่าง iPhone 17 รวมทั้งการเข้าสู่ช่วง High Season สินค้าไอทีปลายปี นอกจากนั้น COM7 ยังมีการบริหารต้นทุนที่ดี และธุรกิจเสริมมีมาร์จิ้นสูง คือ ธุรกิจ Non-Retail

ขณะที่มองการเข้าซื้อกิจการ MVP ช่วยเสริมสร้าง Ecosystem และสร้างโอกาสการเติบโตในระยะยาว ต่อยอดธุรกิจสู่เทคโนโลยีในอนาคต

ราคาหุ้น COM7 ช่วงบ่ายวันนี้ เคลื่อนไหวที่ 24.10 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

CONSENSUS: COM7 ครึ่งปีหลังแจ่มเข้าไฮซีซั่น เปิดตัว iPhone 17 ลุย Non-Retail เทคฯ MVP ต่อยอดยาว
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)

ธนชาต ซื้อ 34.00

ทิสโก้ ซื้อ 31.75

เมย์แบงก์ ซื้อ 30.00

ดีบีเอส วิคเคอร์ส ซื้อ 30.00

ฟินันเซีย ซื้อ 28.50

บัวหลวง ซื้อ 27.00

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

นักวิเคราะห์จาก บล.บัวหลวง เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการของ บมจ.คอมเซเว่น [COM7] ยังคงมองเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง แรงหนุนหลักจากช่วง High Season และการเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ของค่ายต่าง ๆ โดยเฉพาะล่าสุดการเปิดตัว iPhone 17 ทำให้ประเมินครึ่งปีหลังรายได้จะเติบโตในระดับ 5-9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)

ด้านความสามารถในการทำกำไร COM7 มีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้รับแรงหนุนจากธุรกิจเสริมที่มีมาร์จิ้นสูง เช่น ธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อ "Thunder Finfin" และธุรกิจให้เช่าแท็กซี่ไฟฟ้า ดีมานด์สูงและเติบโตในระดับมากกว่าตัวเลขสองหลัก

นอกจากนี้ COM7 ยังมีความสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในช่วงปีที่ผ่านมาได้มีการทยอยปิดสาขาที่ไม่สร้างกำไรตามเป้าหมาย เพื่อหันมามุ่งเน้นประสิทธิภาพการทำกำไรของสาขาที่เหลืออยู่ ส่งผลให้การบริหารจัดการต้นทุนในระดับร้านค้ามีทิศทางที่ดีขึ้น และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มาร์จิ้นโดยรวมมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นได้อีก

สำหรับภาพรวมทั้งปี 69 มองว่ากำไรจะเติบโตกว่า 22% มาอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท หนุนจากรายได้ที่ยังมีการเติบโตค่อนข้างสูง รวมทั้งการเติบโตในส่วนของมาร์จิ้น นอกจากนี้ COM7 ยังมี Ecosystem แข็งแกร่งมากขึ้น จากการโฟกัสธุรกิจที่เป็น non-retail อย่าง Thunder Finfin และธุรกิจให้เช่าแท็กซี่ไฟฟ้า

รวมถึงแผนการเข้าถือหุ้น บมจ.เอ็ม วิชั่น [MVP] มองว่าเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในระยะยาว แม้ในช่วงแรกอาจจะยังไม่เห็นผลต่อกำไรอย่างมีนัยสำคัญ แต่ถือเป็นการสร้างโอกาสเติบโตในอนาคตจากสายธุรกิจของ MVP ซึ่งมีความน่าสนใจ ทั้งธุรกิจดั้งเดิมอย่างการจัดอีเวนต์ใหญ่ เช่น Thailand Mobile Expo และธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีอนาคตอย่าง Blockchain และโปรเจกต์ World ID ซึ่งมองว่าเป็นเทคโนโลยีที่ COM7 สามารถนำไปต่อยอดได้ คาดว่าดีลนี้จะเริ่มดำเนินการในช่วงไตรมาส 4/68 และจะเริ่มรับรู้ผลประกอบการเต็มที่ตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไป

แม้จะมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่มองว่า COM7 จะได้รับผลกระทบค่อนข้างจำกัด เนื่องจากสินค้าเทคโนโลยี โดยเฉพาะสมาร์ทโฟน กลายเป็นปัจจัยที่ 5 ที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวันไปแล้ว และด้วยอายุการใช้งานของอุปกรณ์ต้องมีการเปลี่ยน

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากเทรนด์ AI ที่เข้ามามีบทบาทในอุปกรณ์รุ่นใหม่ๆ กระตุ้นให้เกิดความต้องการ ขณะเดียวกันบริษัททำโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่องเพื่อดึงดูดลูกค้า และสุดท้ายในแง่ของเศรษฐกิจที่ไม่ดี ผู้ประกอบการ IT retail นำเครื่องมือทางการเงินมาช่วยสร้างดีมานด์ อย่าง COM7 มีบริการ Thunder Finfin ที่ผ่านมาเจาะกลุ่มนักศึกษา แต่เริ่มมีการขยายมาสู่ลูกค้ารายย่อยมากขึ้นด้วย

บล.บัวหลวง ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" หุ้น COM7 โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 27.00 บาท ซึ่งยังมีอัปไซด์จากราคาปัจจุบัน โดยมองว่าการที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงในช่วงนี้เป็นผลมาจากแรงขายทำกำไรระยะสั้น (Sell on Fact) หลังการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Apple ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้น

ด้าน บล.เมย์แบงก์ คงคำแนะนำ "ซื้อ" หุ้น COM7 เนื่องจากคาดว่ากำไรหลักปี 68/69 จะเติบโต 21% และ 9% ตามลำดับ หนุนโดยวัฏจักรการเปลี่ยนเครื่องสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต รวมถึงส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้นของ COM7 โดยเมื่อวันที่ 28 ส.ค.68 COM7 ประกาศแผนเข้าซื้อกิจการเอ็มวิชั่น (MVP) ประเมินว่าดีลนี้มีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรหลักปี 69 ของ COM7 ประมาณ 1% ราคาเป้าหมายยังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ 30 บาท (P/E ปี 2568 ที่ 18.3 เท่า) ปัจจัยกระตุ้นการ re-rating คือการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่ง YoY ในไตรมาส 3-4/68

COM7 มีแผนใช้เงินสด 174 ล้านบาทเพื่อซื้อหุ้นใหม่ของ MVP ผ่านการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) หลังธุรกรรมเสร็จสิ้น COM7 จะถือหุ้น 51% โดยธุรกิจหลักของ MVP ได้แก่ การจัดงานอีเวนต์ (74% ของรายได้ไตรมาส 2/68) บริการเอเจนซีโฆษณา (5% ของรายได้) และการสนับสนุนการขาย (22% ของรายได้) อีเวนต์สำคัญของ MVP ได้แก่ Thailand Mobile EXPO, Bangkok EV EXPO และ Thailand BOAT Festival หากผู้ถือหุ้นอนุมัติในการประชุมวิสามัญ (EGM) วันที่ 11 พ.ย.68 MVP มีแผนจะออกหุ้น PP ให้แล้วเสร็จในไตรมาส 4/68 และ COM7 ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมด (Mandatory Tender Offer) ภายในไตรมาส 1/69

MVP จะสร้างอัพไซด์ให้กับกำไรหลักปี 69 ของ COM7 ราว 0.6-1.2% จากที่เราคาดว่าจะมีกำไรสุทธิที่ส่งเข้ามา 26-51 ล้านบาท ทั้งนี้ ในครึ่งแรกของปี 68 MVP รายงานขาดทุนสุทธิ 50 ล้านบาท โดย 26 ล้านบาทเป็นการตั้งสำรองหนี้สูญ และ 24 ล้านบาทมาจากการดำเนินงาน หลังการลงทุน COM7 มีแผนส่งตัวแทนเข้าเป็นกรรมการและ/หรือผู้บริหารในสัดส่วนไม่ต่ำกว่าการถือหุ้น ซึ่งควรจะช่วยยกระดับประสิทธิภาพและอัตราการทำกำไรของ MVP

นอกจากนี้ CEO ของ MVP ยังกล่าวเมื่อ 18 ส.ค.68 ว่าบริษัทมีแนวโน้มกลับมามีกำไรในไตรมาส 3/68 จากธุรกิจ World ID โดยเมื่อวันที่ 8 เม.ย.68 MVP ได้ลงนามสัญญาบริการหลัก (Master Service Agreement) กับ Tools for Humanity (TFH) เพื่อดำเนินโครงการ World ID ในประเทศไทย โดย World ID เป็นดิจิทัลพาสปอร์ตที่ใช้เป็น "หลักฐานยืนยันความเป็นมนุษย์แบบไม่เปิดเผยตัวตนในยุค AI" โดย MVP เป็นผู้ดำเนินการ Orb Scanner เพื่อยืนยันและลงทะเบียนผู้ใช้งาน World ID บริษัทจะได้รับรายได้ 40-70 บาทต่อการยืนยันตัวตนของผู้ใช้ 1 คน โดย World ID สามารถถูกนำมาใช้ 1) ป้องกันบอทโพสต์สแปมในเว็บบอร์ดออนไลน์ (เช่น Pantip) 2) ยืนยันว่าเบอร์โทรศัพท์เป็นของบุคคลจริง และ 3) ป้องกันบอทกว้านซื้อบัตรคอนเสิร์ต

ขณะที่ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส แนะนำ ซื้อ COM7 ราคาพื้นฐาน 30 บาท โดยการเติบโตยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ยังเป็นบวก โดยในไตรมาส 3/68 -QTD เติบโตเลขหลักเดียวระดับกลาง-สูง ซึ่งดีต่อจากไตรมาส 2/68 ที่ SSSG บวก 6%

การเปิดขาย iPhone 17 คาดว่าจะช่วยหนุนรายได้ของ COM7 ในไตรมาส 4/68 ทั้งนี้บริษัทมีรายได้จากยอดขายสมาร์ทโฟนคิดเป็น 58% ของรายได้รวม (ยอดขาย iPhone อยู่ที่ประมาณ 30% ของรายได้รวม) ยอดขายแทปเลต 16% ยอดขายอุปกรณ์ไอที 15% ยอดขายผลิตภัณฑ์ไอที 9% และอื่นๆ 2%

ธุรกิจ EV และโซลาร์รูฟทอปได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า โดยในส่วนธุรกิจดีลเลอร์รถไฟฟ้า AION ได้อานิสงค์จากการที่ AION ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 3 ในไทย บริษัทมีแผนจะเปิดโชว์รูมเพิ่มอีก 5 แห่งภายในปีนี้ ส่วนธุรกิจให้เช่าแท็กซี่ EV ก็ส่งมอบให้ลูกค้าแล้วราว 1,000 คัน หลังเปิดตัวไปในเดือน มี.ค.68 นับว่าไปได้ดีมาก บริษัทเพิ่มเป้าหมายยอดให้เช่าแท็กซี่ EV ปีนี้เป็น 3,000 คัน (เดิม 2,000 คัน) และปี 69 ตั้งไว้ที่ 7,000 คัน ส่วนโซลาร์รูฟทอปยังคงขยายได้ต่อเนื่อง

เราวิเคราะห์ว่ายอดให้เช่ารถแท็กซี่ที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 100 คัน จะช่วยเพิ่มกำไรสุทธิประมาณ 9 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 0.24% ของคาดการณ์กำไรทั้งปี 69

ธุรกิจอื่น ๆ ของ COM7 ยังไปได้ดี ธุรกิจที่เติบโตเร็ว ได้แก่ UFund (ธุรกิจผ่อนชำระสินค้า) ซึ่งขยายตัวดี และมี NPL ratio เพียง 1.16% ต่ำกว่าเกณฑ์ที่บริษัทรับได้ที่ 3% และธุรกิจ iCare Insurance

คงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 30 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันมี P/E ที่ 15.8 เท่า ขณะที่กำไรสุทธิปีนี้คาดว่าจะโต 17% และขยายตัวต่อ 11% ในปี 69 สำหรับธุรกิจที่มี Upside risk คือ ธุรกิจให้เช่ารถแท็กซี่

https://youtu.be/8cq3U5VccOE


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ