
การเปิดเส้นทางบินใหม่พร้อมกัน 3 จุดบินของสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ คือ เมืองเซนได ญี่ปุ่น, กรุงอัลมาตี คาซัคสถาน และกรุงริยาด ซาอุดิอาระเบีย เป็นการเปิดแนวรุกหาน่านน้ำใหม่แทนการพึ่งพาเส้นทางญี่ปุ่นเป็นหลักเท่านั้น พร้อมหวังเส้นทางตะวันออกกลางหรือเอเชียกลาง จะใช้เป็นฐานบินเข้าไปยุโรปได้ง่ายขึ้น
สายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ มีแผนจะเริ่มบินตรงเข้ายุโรป 2 เมืองในเดือน ก.ค.69 ซึ่งถือเป็นเรื่องท้าทายในการเติบโตครั้งใหม่ของสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำระยะไกลสายการบินแรกของไทยที่เกิดจากความร่วมลงทุนระหว่าง ไทยแอร์เอเชีย และ แอร์เอเชีย เอ็กซ์ โดยมีฐานการบินหลักที่สนามบินดอนเมือง
นางภัทรา บุศราวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเขีย เอ็กซ์ เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่า การเติบโตของ ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ขึ้นอยู่กับขยายเส้นทางการบิน ซึ่งต้องเป็นเส้นทางที่ทำกำไรได้ ถ้าเส้นทางไหนไม่ทำกำไรก็ต้องตัดไป โดยทีมงานจะวางแผนอย่างละเอียดก่อนเปิดเส้นทางบินใหม่ คาดการณ์จำนวนผู้โดยสาร ผลประกอบการ และแนวโน้มทำกำไรในแต่ละเส้นทางอย่างละเอียด
โดยแต่ละเส้นทางไม่ได้มุ่งเน้นแต่เฉพาะผู้โดยสารคนไทยเท่านั้น แต่จะต้องนำผู้โดยสารในประเทปลายทางนั้นๆ กลับเข้ามาในประเทศไทยด้วย ยกตัวอย่างเส้นทาง กรุงเทพฯ-ริยาด ประเทศซาอุดิอาระเบีย เส้นทางนี้คนไทยไม่ค่อยบินไปมากนัก แต่จะเป็นการนำผู้โดยสารจากซาอุดิอาระเบียเข้ามา ทำการบินตรงใช้เวลาประมาณ 7-8 ชั่วโมง ซึ่งไม่ค่อยมีสายการบินไหนบินตรง และราคาค่าโดยสารก็สู้ได้ เพราะเป็นราคาที่จับต้องได้
ส่วนจุดบินใหม่อีกแห่งคือ กรุงอัลมาตี มองว่าเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยวไทยที่เป็น FIT ไม่ใช่กรุ๊ปทัวร์ ขณะที่ชาวเมืองอัลมาตีก็เดินทางเข้าไทยเช่นกัน โดยคาดว่าคนไทยจะเดินทางไปน้อยกว่าที่ชาวอัลมาตีที่ต้องการเข้ามาในประเทศไทย
ขณะที่จุดบินที่เมองเซนได คาดไว้ว่าจะเป็นคนไทย 75% และ 25% เป็นชาวญี่ปุ่น
นางภัทรา กล่าวว่า ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ เรามองหาโอกาสใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา โดยในปีนี้เราได้เริ่มขยายฐานตลาดออกไปยังที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน อย่างกรณีของ อัลมาตี และริยาด เพราะเป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโตสูง มีศักยภาพในการเติบโตหลากหลายด้าน ทั้งด้านการท่องเที่ยว รวมถึงการเดินทางเพื่อทำธุรกิจ
สำหรับการศึกษาเส้นทางในยุโรป เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ด้วยกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพและโอกาสเติบโต ตลาดมีความแข็งแกร่ง ที่ผ่านมามียอดนักท่องเที่ยวจากยุโรปเข้าไทยสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เราตั้งเป้าหมายว่าจะขยายเส้นทางบินเข้ายุโรปในช่วงปี 69 แผนแรกคือการเปิดเส้นทางบินตรง หรืออาจใช้สิทธิ Fifth Freedom หรือไม่ ต้องพิจารณาความเหมาะสมอีกครั้ง
"ในแต่ละปีผลประกอบการของ ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ช่วง 7 เดือนไตรมาส 4 จนถึงไตรมาส 1 (ต.ค.-มี.ค.) ต่อเนื่องไปถึงเดือน เม.ย.ที่มีเทศกาลสงกรานต์ ผู้โดยสารไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์จะแน่นมากในเส้นทางญี่ปุ่น
แต่ในไตรมาส 3 ของปี จำนวนผู้โดยสารลดลงในช่วงโลว์ซีซั่น นั่นก็เป็นสิ่งที่เรากำลังพิจารณาเปิดจุดบินใหม่อย่าง ยุโรป จะเป็นคำตอบ เพราะว่าช่วงนั้นหน้าร้อน ช่วงปิดเทอมปี 69 ที่วางแผนไว้จะมีจุดบินในยุโรป คาดจะเริ่มบินในเดือน ก.ค.69 หากไทยแอร์เอเขียเอ็กซ์ สามารถทำให้จำนวนผู้โดยสาร หรือมีอัตราขนส่งผู่โดยสาร (Load Factor) อยู่ในระดับสูงได้ตลอดทั้งปี ก็จะทำให้ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ เติบโตไปในปีหน้าและปีถัดๆ ไป การทำตลาดที่ญี่ปุ่นเพียงอย่างเดียว มันไม่ใช่กลุ่มเรา"
นางภัทรา กล่าวว่า ใน 3 ปีนี้ เรายังรักษาความแข็งแกร่งของตลาดญี่ปุ่นเป็นหลัก และหาโอกาสในตลาดใหม่ๆ เข้ามาเสริม ทั้งเอเชียในภูมิภาคใหม่ อาทิ อัลมาตี(เอเชียกลาง) และริยาด(ตะวันออกกลาง) ที่เราเปิดตัวไปแล้ว และเริ่มบินต้นธันวาคม 2568 และตลาดในยุโรป ซึ่งเป็นความท้าทายที่เราเชื่อว่าเป็นไปได้
"ใน 3 ปีนี้ เราพยายามเพิ่มเส้นทางไปเอเชียกลาง ยุโรปตะวันออก และใช้จุดบินเหล่านี้เป็นฐานการบินไปเส้นทางยุโรป"ขณะที่เส้นทางในจีนยอมมรับว่าลำบาก ถ้าทำกำไรไม่ได้ อาจส่งให้ ไทยแอร์เอเชียทำการบินแทน ส่วนอินเดีย ยังถือว่าเป็นตลาดที่ดีอยู่ แต่ก็จะยังไม่เปิดจุดบินใหม่ เพราะไทยแอร์เอเชียก็ทำการบินอยู่หลายเมือง
ทั้งนี้ ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ บินเข้าเซี่ยงไฮ้ 4 เที่ยวบิน/สัปดาห์ ส่วนอินเดีย บินเข้านิวเดลี 4 เที่ยวบิน/สัปดาห์ และปลายต.ค. เพิ่มเป็น 7 เที่ยวบิน/สัปดาห์
สำหรับตลาดญี่ปุ่น ภาพรวมยังแข็งแกร่งสุดของ ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ Load Factor รวม 8 เดือนแรกสูงกว่า 80% คาดการณ์ตลอดทั้งปี Load Factor ที่ 84% เส้นทางขายดีสุดก็ยังคงเป็นกรุงเทพ-โตเกียว และเปิดเส้นทางบินใหม่คือ เซนได เป็นเส้นทางบินตรงไทย-ญี่ปุ่นลำดับที่ 7 ของแอร์เอเชีย โดยเราเป็นสายการบินราคาประหยัดสายเดียวที่มีเส้นทางบินตรงในเส้นทางนี้
ปัจจุบันรายได้และกำไรเส้นทางญี่ปุ่นอยู่ที่ประมาณกว่า 80% จากรายได้ทั้งหมดของ ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ในอนาคตการที่เราเปิดเส้นทางบินใหม่ๆ ในตลาดอื่นๆ อาจทำให้สัดส่วนรายได้เปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ญี่ปุ่นก็ยังเป็นตลาดหลักของเรา ซึ่งเราจะใช้จุดเด่นเรื่องแบรนดิ้งที่น่าเชื่อถือ ความถี่บินสูง และการเชื่อมต่อเครือข่ายบินที่หลากหลาย ทำให้ยังสามารถรักษาความแข็งแกร่งตลาดนี้ไว้ได้
ส่วนแผนการขยายฝูงบิน ปลายปีนี้จะรับเพิ่มอีก 2 ลำ จากที่มีอยู่ 9 ลำ ก็จะเพิ่มเป็น 11 ลำ และปีหน้ารับมอบอีก 2 ลำ ขึ้นกับการเปิดเส้นทางใหม่ที่วางแผนไว้ในเดือน ก.ค.69
ปัจจุบัน ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ มีทั้งหมด 7 เส้นทาง โตเกียว โอซาก้า ซัปโปโร นาโงย่า โซล เซี่ยงไฮ้ นิวเดลี และในธ.ค.68 จะเปิดบิน 3 จุดบินใหม่ คือ เซนได อัลมาตี และริยาด รวมเป็น 10 เส้นทาง
ในปี 68 ไทย แอร์เอเชียเอ็กซ์ คาดการณ์จำนวนผู้โดยสารรวม 1.7 ล้านคน มากกว่าปีที่แล้วที่มี 1.6 ล้านคน มั่นใจว่าจะทำได้ใกล้เคียงเป้าหมาย และการเปิดเส้นทางใหม่ 3 เมืองในเดือน ธ.ค.จะช่วยหนุนให้ Load Factor ทั้งปีเฉลี่ยที่ 82% ใกล้เคียงปีก่อน คาดการณ์กำไรสุทธิในปีนี้ 75 ล้านบาท จากปี 67 มีกำไรสุทธิ 400 ล้านบาท (รวมรายการพิเศษ 170 ล้านบาท)
"ยอมรับว่าผลประกอบการในไตรมาส 3/68 ของเราแย่มาก เพราะจากคำทำนายว่าจะเกิดภัยพิบัติในญี่ปุ้นในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารคนไทยหายไปมาก แต่เดือนส.ค -ก.ย.ก็กระเตื้องขึ้นมาแล้วทำให้ Load Factor เฉลี่ยที่ 75% ส่วนในไตรมาส 4/68 คาดว่า Load Factor น่าจะอยู่ที่ 90%"นางภัทรา กล่าวว่า เราตั้งเป้าออกจากแผนฟื้นฟูกิจการภายในปี 2569 โดยที่ผ่านมาสามารถทำได้ตามแผน ชำระหนี้ไปแล้วกว่า 60% จากหนี้ทั้งหมด 4,300 ล้านบาท โดยหากการปรับโครงสร้างของกลุ่มแอร์เอเชียแล้วเสร็จ จากนั้นเราจะเพิ่มทุน 1,000 ล้านบาทเพื่อนำเงินไปสร้างการเติบโต แล้วยื่นขอออกจากแผนฟื้นฟู ซึ่งหนี้ที่เหลืออยู่มีอายุ 2 ปีครั้ง
https://youtu.be/MSu08saeQDo