ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น บมจ.ดุสิตธานี [DUSIT] ครั้งที่ 1/2568 ในวันนี้มีมติไม่อนุมัติการถอดถอนนายชนินทธ์ โทณวณิก ออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัท ซึ่งเป็นการถอดถอนออกจากตำแหน่งก่อนครบกำหนดวาระ จากการเสนอของบริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 49.74% ที่ขอให้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นตามมาตรา 100 ของพ.ร.บ.มหาชนจำกัด
โดยเมื่อเริ่มพิจารณาวาระถอดถอน นายชนินทธ์ ได้ลุกออกไปจากห้องประชุม ซึ่งคุณหญิงสุชาดา กีระนันทน์ รองประธานกรรมการ ได้ทำหน้าที่ประธานที่ประชุมแทน กล่าวว่า วาระนี้ กรรมการไม่ได้เสนอเอง เราถูกบังคับตามมาตรา 100 ที่กำหนดวาระนี้ชัดเจนซึ่งได้เสนอมาที่บริษัท ในฐานะกรรมการบริษัท เราพิจารณา ด้วยความหนักใจ
พร้อมแสดงความกังวลหากถอดถอนนายชนินทธ์ เป็นห่วงผลประโยชน์ทับซ้อน การปลดชนินทธ์ และตั้งกรรมการใหม่ จากกลุ่มเซ็นทรัล ซึ่งมีธุรกิจโรงแรมแข่งขันกับ DUSIT อาจมีข้อมุลความลับทางการค้า ดุสิตและผู้ถือหุ้นจะเสียหายมาก วันนี้ส่งกรรมการ วันหน้าจะส่งผู้บริหาร ซึ่งกรรมการที่เข้ามาไม่สามารถตรวจสอบได้
จากนั้นนางสุนงค์ สาลีรัฐวิภาค ได้วีดีโอคอนเฟอเรนซ์เข้ามา ระบุว่าตนเองเป็นลูกสาวของคุณหญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ผู้ก่อตั้งโรงแรมดุสิตธานี มีความเป็นห่วง DUSIT การที่ให้ถอดถอนนายชนินทธ์ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและการบริหารจัดการ DUSIT และเปลี่ยนแปลงอำนาจ เพื่อให้ประโยชน์สูงสุดแก่ DUSIT อย่างแท้จริง โดยในปี 67 DUSIT มีรายได้ 1.1 หมื่นล้านบาท แต่ขาดทุน 237 ล้านบาท และขาดทุนสะสม 1,254 ล้านบาท
"ดิฉันไม่มีเจตนาทำลาย DUSIT ที่คุณแม่สร้างไว้ ขอให้ดูที่งบการเงิน ดูกำไรขาดทุน บริษัทเสียหาย แล้วดิฉันเสียหาย ดุสิตมีหนี้สินเกือบ 3 หมื่นล้านบาท ดิฉันไม่ถอดถอนวาระนี้"อย่างไรก็ดี เมื่อถึงเวลานับคะแนน ผู้ถือหุ้นไม่อนุมัติวาระนี้
นายชนินทธ์ ระบุว่า ตนไม่มีความกังวลการถอดถอนออกจากกรรมการบริษัท DUSIT แต่ที่ห่วงผู้ถือหุ้น นักลงทุน และลูกค้า อาจะได้รับผลกระทบ เพราะกลุ่มเซ็นทรัลมีการแข่งขันกับกลุ่ม DUSIT มาตลอด ต่างเป็นคู่แข่งการค้าซึ่งกันและกัน
วันนี้ DUSIT ประสบความสำเร็จมากในทุกมิติ ทั้งชื่อเสียง มูลค่ากิจการ หาก DUSIT ต้องมีกรรมการ ผู้บริหารรระดับสูงจากกลุ่มเซ็นทรัล นั่นทำให้ทิศทางการบริหารของ DUSIT ตกอยู่ภายใต้คู่แข่งขันการค้าอย่างกลุ่มเซ็นทรัลโดยสิ้นเชิง และกลุ่มเซ็นทรัลยังเข้าถึง และใช้ข้อมูลในองค์กร ฐานลูกค้า สถิติ องค์ความรู้ที่เราสร้างพัฒนาสะสมหลาย 10 ปี มีมูลค่ามหาศาลไปในทางที่มีแต่เกิดประโยชน์ของคู่แข่ง
ดังนั้นจึงมีข้อกังวลหากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง DUSIT ย่อมได้รับความเสียหายอาจถูกทำลายถึงจุดที่แก้ไขเยียวยาได้ยาก หลักการหากคู่แข่งมีอำนาจเหนือกิจการของเรา เข้าถึงข้อมูลของเราได้ และเราได้รับความเสียหายอย่างไร เหตุการณ์ดังกล่าว ย่อมไม่ยุติธรรมต่อผู้ถือหุ้น และลูกค้า ผู้บริโภคของธุรกิจเหล่านี้ แทนที่จะมีตัวเลือกจากการแข่งขันธุรกิจ ตัวเลือกผู้บริโภค DUSIT ที่แท้จริง ย่อมหายไปจากตลาดเสียแล้ว
โดยโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ที่ประสบความสำเร็จเป็นโครงการร่วมทุนที่ DUSIT ถือหุ้นใหญ่ 70% และเซ็นทรัลพัฒนา 30% การร่วมงานที่ผ่านมาไม่ค่อยราบรื่น หาก DUSIT มีกรรมการและผู้บริหารจากกลุ่มเซ็นทรัล ย่อมได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน กลัวว่า แบรนด์ ดุสิตธานีจะถูกกลืน ทั้งที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในโครงการนี้
นายชนินทธ์ กล่าวว่า ส่วนการพิจารณาวาระ เรื่องการแต่งตั้งกรรมการใหม่และการเปลี่ยนแปลงอำนาจกรรมการ ทางบริษัท ขอเลื่อนการประชุมออกไปก่อนจนกว่าจะได้ความชัดเจนการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างกำหนดมาตรการป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ จากการตั้งกรรมการใหม่ รวมถึงความชัดเจนที่อาจทำให้เกิดการผูกขาดซึ่งมีอำนาจเหนือตลาด อาจเข้าข่ายการค้าไม่เป็นธรรม ตามพ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า ม.57 เนื่องจากบริษัท ชนัตถ์และลูก ซึ่งถือหุ้น 49.74% และ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ถือ 17.09% ใช้สิทธิผู้ถือหุ้นเพื่อเปลี่ยนโครงสร้างบริษัทและกรรมการผู้มีอำนาจ ที่มีอำนาจควบคุมเกิน 50% โดยไม่มีการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ ซึ่งได้ได้ส่งหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และ คณะกรรมการแข่งขันการค้าแล้ว โดยกำหนดให้มีการเลื่อนประชุมไปเป็นวันที่ 4 ธ.ค.68 เวลา 14.00 น. รูปแบบ E-Meeting ใช้ Record Date เดิมคือวันที่ 10 ก.ย.68