(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์เกาะติดรัฐบาลใหม่แถลงนโยบาย ดอลลาร์แข็งค่าหนุน Flow ไหลเข้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 29, 2025 09:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งไซด์เวย์ในกรอบ โดยที่ตลาดรอติดตามปัจจัยการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ต่อรัฐสภาในวันนี้ ซึ่งคาดหวังความชัดเจนในการผลักดันมาตรการกระตฺ้นเศรษฐกิจระยะสั้น โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่งพลัส ออกมา

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศในช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมาตัวเลขเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐก็ออกมาตามที่ตลาดคาด ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) สหรัฐชะลอการเร่งตัวขึ้นและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐชะลอการแข็งค่า ทำให้คาดหวังมีกระแสเงินไหลกลับเข้าตลาดหุ้นในเอเชียได้บ้าง ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เปิดมาเคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน

โดยให้แนวต้าน 1,290 จุด แนวรับ 1,270 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (26 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 46,247.29 จุด เพิ่มขึ้น 299.97 จุด หรือ +0.65%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,643.70 จุด เพิ่มขึ้น 38.98 จุด หรือ +0.59% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,484.07 จุด เพิ่มขึ้น 99.37 จุด หรือ +0.44%

- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกในวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 45,113.29 จุด ลดลง 241.70 จุด หรือ -0.53%, ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ 3,828.17 จุด เพิ่มขึ้น 0.06 จุด หรือ +0.001% และดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 26,321.57 จุด เพิ่มขึ้น 193.37 จุด หรือ +0.74%

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 ก.ย.) 1,278.74 จุด ลดลง 9.52 จุด (-0.74%) มูลค่าซื้อขาย 36,245.78 ล้านบาท

- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (26 ก.ย.) 891.55 ล้านบาท

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย. (26 ก.ย.) เพิ่มขึ้น 74 เซนต์ หรือ 1.14% ปิดที่ 65.72 ดอลลาร์/บาร์เรล

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 ก.ย.) อยู่ที่ 5.83 เหรียญ/บาร์เรล

- เงินบาทเปิด 32.21 แข็งค่าเล็กน้อย รับดอลลาร์อ่อนค่าหลังดัชนี PCE สหรัฐออกมาตามคาด

- เปิดแพ็กเกจเศรษฐกิจรัฐบาลอนุทิน แถลงนโยบายพร้อมประชุมคณะรัฐมนตรีทันที 30 ก.ย. ฝ่าเส้นยาแดงใช้เงินผูกพันก่อนสิ้นปีงบประมาณ 2568 งวดแรก 6 หมื่นล้าน คิกออฟงบฯ 2569 อัดฉีดเงินเข้ากระเป๋า 3 ก้อน พร้อมกัน 3 กลุ่ม ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจาก 300 ได้เพิ่มอีก 1,700 บาท, คนละครึ่งพลัส 33 ล้านสิทธิ แจกหัวละ 2,000 ผู้ยื่นแบบภาษีได้รับ 2,400 บาท ใช้มาตรการภาษีจูงใจกลุ่มกำลังซื้อสูงตามรอย Easy E-Receipt จับมือสภาอุตฯปลุกธุรกิจไทย ใช้ Local Content รับสิทธิประโยชน์ภาษี เอกชนตอบรับ

- เอกชนจี้รัฐบาล "อนุทิน" เร่งคืนภาษีแวต-อากรขาออกแสนล้านใน 7-14 วัน ช่วยเสริมสภาพคล่อง ต่อลมหายใจเอสเอ็มอีสู้ศึกส่งออกยุคแข่งขันเดือด เร่งนำระบบดิจิทัลมาใช้เต็มรูปแบบช่วยคัดกรองผู้ส่งออกประวัติดีให้ได้รับเงินคืนเร็ว พร้อมสกัดพวกโกงภาษี ด้านอุตฯก่อสร้างวอนรัฐเร่งจ่ายค่า K

- เช็กเรตติ้งการเมือง กางจะจะผลนิด้าโพล ระบุประชาชนบอกยังหาคนเหมาะสมเป็นนายกฯ ไม่ได้ ส่วนพรรคการเมือง "ประชาชน" ยังครองอันดับ 1

- ไทยเผชิญประชากร "ตายมากกว่าเกิด" 4 ปีต่อเนื่อง คาดปี 2626 ประชากรเหลือ 33 ล้านคน ขาดแรงงาน ผลิตผลประเทศลด รายได้ภาษีหดตัว สธ.ชงร่างวาระแห่งชาติ แต่ยังค้างเติ่ง เป้าปี 70 เพิ่มอัตราการเจริญพันธุ์ สช.ชี้แก้ปัญหา เกิดน้อยต้องใช้เวลา 20 ปี พม.ดันนโยบาย "5x5 ฝ่าวิกฤติประชากร" ห่วงวัยทำงาน 2 คน แบกรับผู้สูงอายุ 1 คน ธนาคารโลกจับตาอัตราส่วนพึ่งพิงเพิ่มขึ้น

- "นักเศรษฐศาสตร์" กังวลต่อสถานการณ์ "สังคมสูงวัย" แรงงานวัยทำงานลดลง อาจฉุดรั้งศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจ กระทบความสามารถในการแข่งขัน และเสี่ยงสร้างภาระต่อ การคลังจนถึงขั้น "ล้มละลาย" แนะวัยทำงาน เร่งการออมเตรียมพร้อมสำหรับค่าใช้จ่ายในวัยเกษียณ ใช้ตลาดทุนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้โตเพิ่มขึ้น

*หุ้นิเด่นวันนี้

- ITC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" ราคาเป้าหมายปี 2026 ที่ 18 บาท คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/68 อยู่ที่ 748 ลบ. +7% q-q, -23% y-y ถือเป็นกำไรที่ดี สามารถบริหารผลกระทบ tariff ได้ดี เราคาดรายได้รวมสกุลบาท +5% q-q, +6% y-y อยู่ที่ 4.7 พันลบ. แม้เจอบาทแข็งค่า 3% q-q และ 7% y-y และมีการ support ชั่วคราวให้กับลูกค้า US บางราย หากกำไร ไตรมาส 3/68 เป็นไปตามคาด บริษัทจะมีกำไรสุทธิ 9M25 อยู่ที่ 2.1 พันลบ. -24% y-y จนถึงปัจจุบันสามารถกล่าวได้ว่า ITC ได้รับผลกระทบจาก US tariff ค่อนข้างจำกัด ผู้บริหารยังมั่นใจต่อเป้ารายได้ปี 2025 ที่โตราว 3-5% y-y เราปรับลดกำไรสุทธิปี 2025 ลงเล็กน้อย 5% แต่ยังคงกำไรสุทธิปี 2026 ไว้ตามเดิมที่ 3.6 พันลบ. +20% y-y

- BCPG (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 10.00 บาท คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงถัดไป มีทิศทางที่ดีขึ้นมาก จากการทยอยเริ่ม COD โครงการต่าง ๆ และคาดจะไม่มีการตั้งด้อยค่าในจำนวนมากอย่างช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ผสานรายได้จากการขายไฟใน US จะปรับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ ไตรมาส 3/68 เป็นต้นไป จากการปรับค่าความพร้อมจ่ายที่เร่งขึ้นแบบก้าวกระโดดตามความต้องการไฟฟ้าที่รองรับ datacenter ที่เพิ่มขึ้น

- KCG (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อ" ราคาเป้าหมายBloomberg Consensus 11.00 บาท) กำไรสุทธิ 1H68 อยู่ที่ 221 ลบ. +33%YoY หนุนจากสินค้ากลุ่ม Dairy และกลุ่ม Food and Bakery Ingredient ขณะที่ในส่วนของต้นทุนค่าใช้จ่าย ได้ประโยชน์จาก Solar Roof รวมถึงการเปิดใช้งาน KCG Logistic Park ด้านการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง แม้ไตรมาส3 อาจกดดันบ้างตามฤดูกาล แต่จะเข้าสู่ High Season ในไตรมาส4 และมีปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐฯ ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิ KCG* ปี68 และ69 จะอยู่ที่ 446 ลบ.(+10%YoY) และ 517 ลบ.(+16%YoY)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ