
บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีแนวคิดที่จะดำเนินโครงการคนละครึ่งเฟสใหม่ หรือโครงการคนละครึ่งพลัส โดยใช้วงเงินงบประมาณรวมประมาณ 6.6 หมื่นล้านบาท โดยมีประชาชน 3 กลุ่มหลัก ที่จะได้รับเงินรวมกว่า 33 ล้านคน ได้แก่:
ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.4 ล้านคน จะดำเนินการเติมเงินสนับสนุนให้แก่ผู้ถือบัตรคนละ 1,700 บาท การเติมเงินจะแบ่งจ่ายเป็น 2 ครั้ง ครั้งละ 850 บาท คือในเดือนพฤศจิกายน และธันวาคม 68

ผู้อยู่ในระบบภาษี 11 ล้านคน: จะได้รับสิทธิพิเศษที่ปรับเปลี่ยนจาก 50:50 เป็น 60:40 โดยรัฐบาลจะสมทบ 2,400 บาท และประชาชนเติมเงินอีก 2,000 บาท สามารถจับจ่ายได้วันละไม่เกิน 200 บาท
ผู้อยู่นอกระบบภาษี 9 ล้านคน: จะได้รับการเติมเงิน 2,000 บาท โดยงบประมาณสำหรับกลุ่มที่ 2 และ 3 รวมประมาณ 4 หมื่นล้านบาท
สำหรับความคืบหน้าโครงการข้างต้น ในวันที่ 30 กันยายน 68 ที่ประชุมครม. (คณะรัฐมนตรี) ได้มีมติเห็นชอบให้ใช้เงินงบกลางรายการใช้จ่ายฉุกเฉินปี 68 สำหรับดำเนินโครงการคนละครึ่งพลัสในส่วนของการเติมเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทั้งนี้ สำหรับในส่วนของผู้ถือบัตรข้างต้นไม่ใช่การจ่ายคนละครึ่ง โดยเป็นเงินที่ได้รับเต็มจำนวน และสามารถใช้จ่ายได้ทันที ไม่ต้องควักเพิ่ม
ขณะที่ในส่วนของประชาชนทั่วไป กล่าวคือผู้อยู่ในระบบภาษีและผู้อยู่นอกระบบภาษี รองนายกฯและ รมว. คลัง เผยในวันที่ 1 ตุลาคม 68 ว่า ในสัปดาห์หน้าเตรียมเสนอที่ประชุม ครม. เห็นชอบโครงการคนละครึ่งพลัสสำหรับประชาชนทั่วไป พร้อมคาดว่าจะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนได้วันที่ 20-26 ตุลาคม 68 ร้านค้าลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 68 โดยสามารถลงทะเบียนได้จนกว่าจะจบโครงการ และเริ่มใช้จ่ายได้ตั้งแต่ 29 ตุลาคม ถึงสิ้นเดือนธันวาคม 68
ทั้งนี้โครงการคนละครึ่งได้มีการดำเนินการมาแล้ว 5 เฟส โดยมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดและวงเงินสนับสนุนในแต่ละช่วงเวลา โดยพบว่า SET Index ปรับตัวขึ้น 4 ใน 5 ครั้ง ที่ดำเนินโครงการคนละครึ่งและมีผลตอบแทน (นับเฉพาะ Capital gain/loss) เฉลี่ย 6.9% โดยมี Sector ที่มีผลตอบแทนเฉลี่ย Outperform เมื่อเปรียบเทียบกับ SET Index ได้แก่ กลุ่มธนาคาร (BANK), กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ (FIN), กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ (MEDIA), กลุ่มการท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM), และกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT)
สำหรับกลุ่มพาณิชย์ (COMM) แม้มีผลตอบแทนเฉลี่ยที่ Underperform เมื่อเปรียบเทียบกับ SET Index หากแต่เรามองว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีความน่าสนใจ เนื่องจากมีแนวโน้มเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์เป็นอันดับต้น ๆ จากโครงการข้างต้น และหากพิจารณาผลตอบแทนพบว่ายังอยู่ในโซนบวก โดยกลุ่ม COMM ปรับตัวขึ้น 4 ใน 5 ครั้ง และมีผลตอบแทนโดยเฉลี่ย 5.2%
เราจึงแนะนำเก็งกำไรในหุ้นในกลุ่มที่ Outperform เมื่อเปรียบเทียบกับ SET Index รวมถึงหุ้นในกลุ่ม COMM ในช่วงเวลาที่ดำเนินโครงการคนละครึ่งพลัส โดยในที่นี้จะโฟกัสไปที่ในส่วนของประชาชนทั่วไป หรือในช่วงประมาณสิ้นเดือนตุลาคม ถึงสิ้นเดือนธันวาคม 68 (เนื่องจากในส่วนของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นลักษณะของการให้เปล่า มากกว่าที่จะเป็นการร่วมจ่าย)
Top pick สำหรับโครงการ "คนละครึ่งพลัส" และผลตอบแทนนับตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดโครงการคนละครึ่งในอดีต ได้แก่
กลุ่มธนาคาร KTB ผลตอบแทนเฉลี่ย 13.2%
กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ AEONTS ผลตอบแทนเฉลี่ย 14.8%
กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ TKS ผลตอบแทนเฉลี่ย 23.5%
กลุ่มท่องเที่ยวและสันทนาการ MINT ผลตอบแทนเฉลี่ย 12.9%
กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ADVANC ผลตอบแทนเฉลี่ย 8.6%
กลุ่มพาณิชย์ BJC ผลตอบแทนเฉลี่ย 5.4%
อย่างไรก็ตาม แม้ KTB และ ADVANC จะมีผลตอบแทนเฉลี่ย Underperform เมื่อเปรียบเทียบกับ Sector แต่สาเหตุที่เราเลือกเป็น Top Pick เนื่องจาก KTB เป็นธนาคารที่มีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากโครงการคนละครึ่งมากที่สุด สอดรับกับการที่เป็นผู้ดำเนินการแอปฯเป๋าตัง ส่วน ADVANC มีคะแนนรวมจาก CoreSight ของ PhillipResearch มากกว่า TRUE อย่างมีนัยสำคัญ และผลตอบแทนในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนในอนาคต