นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ [CI] กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับอัลตร้าลักชัวรี่ยังคงมีแนวโน้มดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 2 ทำเลศักยภาพหลักอย่างกรุงเทพกรีฑาและภูเก็ต สะท้อนความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคที่มองหาที่อยู่อาศัยคุณภาพสูงในทำเลตอบโจทย์ทั้งการใช้ชีวิตและการลงทุน
สำหรับทำเลกรุงเทพกรีฑา ปัจจุบันได้รับการยกระดับให้เป็นหนึ่งในย่านที่อยู่อาศัยชั้นนำของกรุงเทพฯ ด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ทั้งทางด่วนมอเตอร์เวย์ รถไฟฟ้าสาย สีเหลือง และโครงการเชื่อมต่อเมืองฝั่งตะวันออก ทำให้พื้นที่นี้กลายเป็น Luxury Residential Hub หลักของกรุงเทพมหานคร
ขณะที่ภูเก็ต ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกของนักลงทุนและผู้ซื้อระดับบน โดยเฉพาะคนไทย กลุ่มต่างชาติ รัสเซีย จีน ยุโรป ตะวันออกกลาง และสิงคโปร์ ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง และจากข้อมูลระบุว่าความต้องการครอบครองบ้านพูลวิลล่าในภูเก็ตเพิ่มขึ้นกว่า 30% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะทำเลทอง อย่าง บางเทา ลากูน่า เชิงทะเล เพราะเป็นพื้นที่ชายหาดสวยงาม มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง และเป็นที่ตั้งของโครงการระดับหรูมากมาย เช่น วิลล่าหรู แบรนด์เรสซิเดนซ์ โรงแรมหรู สนามกอล์ฟ และคอมเพล็กซ์มิกซ์ยูส นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมไลฟ์สไตล์หลากหลายทั้งกีฬาทางน้ำ ร้านอาหารชั้นเลิศ และบีชคลับที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้พำนักระยะยาว
"ชาญอิสสระมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่มาอย่างยาวนาน เรามีผลงานที่ประสบความสำเร็จหลายโครงการทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัดโดยเฉพาะในภูเก็ต ศรีพันวา เป็นแลนด์มาร์กระดับไอคอนิกของประเทศไทย ความสำเร็จดังกล่าวสะท้อนถึงความเข้าใจในดีมานด์ของตลาดระดับบนและเมื่อมองเห็นศักยภาพของทำเล บางเทาเชิงทะเล ซึ่งเป็นพื้นที่ที่สมบูรณ์แบบทั้งด้านโลเคชั่น มีลากูน วิวทิวเขาที่สวยงาม และไลฟ์สไตล์ระดับโลก เราจึงพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้อย่างแท้จริง" นายสงกรานต์ กล่าวจากภาพรวมของอสังหาริมทรัพย์ทั้งโซนกรุงเทพกรีฑาและภูเก็ตที่มีแนวโน้มที่ดีและกำลังซื้อต่อเนื่องในกลุ่มลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ CI จึงเตรียมเปิด 3 บิ๊กโปรเจ็กต์ใหม่ จับกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ ประกอบด้วย กรุงเทพกรีฑา 2 โครงการใหญ่ มูลค่ารวมกว่า 4.8 พันล้านบาท ประกอบด้วย อิสสระเรสซิเดนซ์ พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา (Issara Residence Rama9-Krungthep Kreetha) A New Legacy Of Wellness Living เรสซิเดนซ์ส่วนตัวระดับอัลตราลักชัวรี่ ที่ดิน 19 ไร่ เพียง 23 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 806-1,229 ตารางเมตร ขนาดที่ดิน 142-271 ตร.ว.จำนวน 5-6 ห้องนอน ราคาเริ่มต้น 85 ล้านบาท และ บ้านอิสสระ พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา (Baan Issara Rama 9-Krungthep Kreetha) A Luxury Beyond Extraordinary Living บ้านเดี่ยวระดับ Luxury บนที่ดิน 21 ไร่ จำนวน 68 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 283-466 ตร.ม.ขนาดที่ดิน 62-155 ตารางวา จำนวน 3-4 ห้องนอน ราคาเริ่มต้น 25 ล้านบาท ทั้ง 2 โครงการได้รับการออกแบบโดย บริษัท สถาปนิก 49 จำกัด (A49)
ขณะที่โซนภูเก็ต เดินหน้าเปิดโครงการใหม่ในทำเล บางเทา-เชิงทะเล คือ ศรีพันวา ลากูน (Sri panwa Lagoon) The New Legacy Begins เป็นโครงการ Mixed-use บนที่ดิน 62 ไร่ มูลค่าโครงการรวมกว่า 7.3 พันล้านบาท พัฒนาโดยบริษัท อิสสระนพร จำกัด (ISN) โดยเฟสแรก คือ Sri panwa Lagoon Residence ประกอบด้วย Sri Panwa Lagoon Waterfront Pool Villa ลักซ์ชัวรี่พูลวิลล่า สุด Exclusive จำนวน 20 หลัง ติดริมลากูน วิลล่า 3-6 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 268.24-964.22 ตารางเมตร พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว ราคาเริ่มต้นที่ 43.8-182 ล้านบาท และ Sri Panwa Lagoon Multi flex House จำนวน 14 หลัง ออกแบบเป็น Multi-function สามารถใช้เป็นที่พักอาศัย ร้านค้า หรือปรับให้เป็นสำนักงานของบริษัท รูปแบบเป็นอาคาร 3 ชั้น ติดถนนใหญ่กว้างถึง 20 เมตร ยังซึมซับธรรมชาติของวิวลากูนและวิวทิวภูเขา ราคาเริ่มต้น 39.8-72.8 ล้านบาท ออกแบบงานสถาปัตยกรรม โดยบริษัท แฮบบิต้า จำกัด ผู้ออกแบบโครงการศรีพันวาภูเก็ต
นายดิฐวัฒน์ อิสสระ ผู้ช่วยกรรรมการผู้จัดการสายงานการตลาด CI กล่าวว่า จากความร่วมมือกับ BDMS Wellness Clinic X Sri panwa Phuket เปิดศูนย์ดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ถือเป็นโมเดลความร่วมมือของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจด้านสุขภาพ และประสบความสำเร็จจนได้รับรางวัลหลายรางวัล เราจึงต่อยอดด้วยการนำองค์ความรู้ด้าน Wellness โดยมี BDMS Wellness Clinic มาเป็นที่ปรึกษาในการออกแบบบ้านให้ถูกสุขลักษณะ และดูแลสุขภาพกายใจ ตามวิสัยทัศน์ Issara Living Vision เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ของการใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบในทุกมิติให้ความสำคัญในเรื่อง Quality, Wellness และ Sustainability ดูแลสุขภาพผู้อยู่อาศัยได้อย่างยั่งยืน ผ่าน 6 มิติหลักนี้ Living Wellness, Physical Wellness, Spiritual Wellness, Social Wellness, Cultural Wellness และ Environmental Wellness
"นี่คือการพลิกโฉมแนวคิดการอยู่อาศัยของไทย ให้ก้าวสู่มาตรฐานใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและคุณภาพชีวิตในระยะยาว การได้ทำงานร่วมกับ BDMS Wellness Clinic อย่างใกล้ชิด เพื่อออกแบบฟังก์ชันให้สอดคล้องกับหลักการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ให้บ้านทุกหลังช่วยเสริมสมดุลชีวิตของผู้อยู่อาศัยทั้งกายและใจ จะทำให้ลูกค้าของเราได้สัมผัสประสบการณ์การใช้ชีวิตแบบครบวงจร ทั้งพักผ่อน สุขภาพ และการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง" นายดิฐวัฒน์ กล่าว