โบรกเกอร์รุมเชียร์ "ซื้อ"หุ้น บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ [BDMS] คาดกำไรสุทธิในไตรมาส 4/68 โต YoY และ QoQ หลังเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวในไตรมาส 3/68 จากไตรมาส 2/68 ลงสู่ต่ำสุดของปี เป็นผลจากลูกค้ากลุ่มสำคัญอย่างตะวันออกกลางเข้ามาใช้บริการและพักรักษาลดลงหลังภาวะเศรษฐกิจโลกไม่เอื้ออำนวย ขณะที่ลูกค้าฝั่งกัมพูชาลดลงไปบ้างจากปัญหาขัดแย้งชายแดนไทย
ราคาหุ้น BDMS ณ ปัจจุบันไม่ได้แพงมาก เทรดบน P/E แค่ราว 17-18 เท่า ทำให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) สูงขึ้นมา 4.0-4.5%
หุ้น BDMS ปิดเที่ยงวันนี้ที่ 19.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท (+0.53%)
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
ยูโอบี เคย์เฮียน ซื้อ 32.00
หยวนต้า ซื้อ 31.60
ทิสโก้ ซื้อ 30.00
ดีบีเอส วิคเคอร์ส ซื้อ 28.50
อินโนเวสท์เอ็กซ์ outperform 28.00
พาย ซื้อ 26.00
เคจีไอ outperform 24.50
กรุงไทย เอ็กซ์สปริง outperform 23.30
กสิกรไทย Neutral 20.40
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.พาย ยังคงคำแนะนำ"ซื้อ"หุ้น BDMS ด้วยราคาเป้าหมาย 26.00 บาท คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/68 ที่ 4.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1%YoY และ เพิ่มขึ้น 23% QoQ ซึ่งฟื้นตัวมาจากไตรมาส 2/68 ที่เป็นไตรมาสที่ผลประกอบการต่ำสุดของปี อย่างไรก็ดี การเติบโต YoY ยังไม่มากนัก เนื่องจากผู้ป่วยจากเมียนมา และตะวันออกกลางลดลง โดยผู้ป่วยจากกลุ่มตะวันออกกลางรับผลกระทบจากราคาน้ำมันปรับตัวลงกดดันภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ชะลอการเดินทาง และกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มอื่น ๆ ก็ยังลดลง เช่นเดียวกับผู้ป่วยในกัมพูชาก็ลดลงเช่นกัน
แนวโน้มกำไรสุทธิในไตรมาส 4/68 คาดจะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ จากจำนวนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่มาล่าช้าในปีนี้ โดยมีแนวโน้มเติบโตสูงต่อเนื่องในเดือน ต.ค. ช่วยหนุนรายได้ทั้งไตรมาสสูงขึ้น YoY จากฐานต่ำในไตรมาส 4/68 และการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น โดยเฉพาะชาวจีน อีกทั้งแนวโน้มการเติบโตของสัดส่วนผู้ป่วยโรคซับซ้อนคาดว่าจะช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้น และ EBITDA Margin แข็งแกร่งที่ 37% และ 25% ตามลำดับ
ทั้งปี 68 คาดว่ากำไรสุทธิเติบโต 5% ชะลอตัวจากปี 67 ที่กำไรสุทธิโต 11% ขณะที่ในปี 69 คาดกำไรสุทธิเติบโต 9%
นายธนเดช กล่าว่า ราคาหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลปรับตัวลงจน P/E ลดลงมาเหลือ 17-18 เท่าจากที่เคยสูงเกิน 30 เท่า ซึ่งเห็นว่าเป็นราคาที่สมเหตุสมผล
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส คาดการณ์กำไรสุทธิของ BDMS ไตรมาส 3/68 จะอ่อนลง -4% y/y แต่ +17% q/q การลดลง y/y เป็นผลจากรายได้ผู้ป่วยกัมพูชาลดลงมาก (หดตัว 60-70% y/y) ซึ่งรายได้ผู้ป่วยกลุ่มนี้คิดเป็น 3% ของรายได้รวม แต่บางส่วนได้รับการชดเชยจากรายได้ผู้ป่วยตะวันออกกลางที่เพิ่มขึ้น (โต 4-6% y/y) ส่วนรายได้ผู้ป่วยไทยเติบโตชะลอลง
ด้าน EBITDA margin ลดลงมาอยู่ที่ 23.5% (เทียบกับ 24.9% ในไตรมาส 3/67 และ 22.5% ในไตรมาส 2/67) ส่วนการเติบโต q/q มาจากปัจจัยฤดูกาล
แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/68 คาดกำไรจะกลับมาเติบโต yoy แนวโน้มรายได้ฟื้นตัวต่อเนื่อง จากที่ลดลง -2% yoy ในช่วง ก.ค.-ส.ค.68 มาเป็น +7% yoy ในเดือนก.ย.68 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น +8%-10% yoy ในเดือนต.ค.68 แรงหนุนสำคัญมาจากการระบาดของไข้หวัดใหญ่ และการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของผู้ป่วยกัมพูชา
โดยปรับลดประมาณการกำไรปี 68-70 ลง 2%-5% สะท้อนสมมติฐานการเติบโตของรายได้และ EBITDA margin ที่ลดลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ล่าช้า ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาที่ยาวนานกว่าคาด
คงคำแนะนำ"ซื้อ" หุ้น BDMS ให้ราคาพื้นฐาน 28 บาท (DCF) ณ ราคาปัจจุบัน BDMS ซื้อขายที่ P/E ปี 26F ที่ 17.8 เท่า (Mean-2SD) ปัจจัยหนุนระยะสั้นคือ การฟื้นตัวของผลประกอบการในไตรมาส 4/68 และคาดว่า Dividend Yield จะอยู่ที่ 4%-4.5% ต่อปี ในช่วงปี 68-70
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) คาดว่า BDMS จะแจ้งกำไรสุทธิไตรมาส 3/68 ที่ 4.17 พันล้านบาท (-1.7% YoY แต่ +19.6% QoQ) คิดเป็น 24.2% ของประมาณการเดิมสำหรับปีของเรา ส่วนกำไรสุทธิงวด 9 เดือนปี 68 น่าจะอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท (+3.1% YoY) คิดเป็น 70.0% ของประมาณการกำไรเดิมของเรา
ขณะที่เราปรับลดประมาณการกำไรปี 68 ลง 7.1% และปี 69 ลง 9.6% คงคำแนะนำ "ซื้อ" แต่ขยับราคาเป้าหมายลงไปเป็นสิ้นปี 69 ที่ 24.50 บาท (ใช้ WACC ที่ 8.0% และ TG ที่ 1.0%) จากเดิม 32.00 บาท (อิงปี 2568F และ TG ที่ 2%)
กำไรไตรมาส 3/68 คาดว่าจะดูไม่น่าตื่นเต้น จากผลงานในอดีตของบริษัท เราพบว่าการเติบโตของรายได้มักได้รับผลเชิงลบจากโรคตามฤดูกาลที่ชะลอตัวลง YoY (เช่น ไข้หวัดใหญ่, การติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ (RSV) และไข้เลือดออก) ช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค.จากนั้นจะเห็นการฟื้นตัวแข็งแกร่งช่วง ก.ย.-ต.ค.ตามมาหลังช่วงฝนตกหนัก ดังนั้น คาดว่ารายได้ไตรมาส 3/68 ของบริษัทจะเติบโตต่ำเพียง 1% YoY และ 6.5% QoQ อยู่ราว 2.74 หมื่นล้านบาท โดยช่วงไตรมาส 3/68 จำนวนผู้ป่วยจากตะวันออกกลางและเมียนมายังคงแข็งแกร่ง ส่วนผู้ป่วยชาวกัมพูชาคาดว่าจะคงอ่อนตัวลง สอดคล้องกับความขัดแย้งบริเวณชายแดนที่ยังมีอยู่ ทั้งนี้ ผู้ป่วยชาวกัมพูชาเคยมีสัดส่วนอยู่ราว 3% ของรายได้รวม
อัตรากำไรขั้นต้น (gross margin) อ่อนตัวลง YoY เราคาดว่า margin ใน ไตรมาส 3/68 ของ BDMS จะแผ่วลง YoY แต่แข็งแกร่งขึ้น QoQ ที่ 34.5% เทียบกับ 34.9% ในไตรมาส 3/67 และ 32.5% ในไตรมาส 2/68 เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยโรคร้ายแรง (intensity patients) ลดลงเล็กน้อย YoY แต่ยังแข็งแกร่งขึ้น QoQ จากปัจจัยฤดูกาล
คาดอัตราภาษีที่แท้จริง (Effective tax rate) ที่ 19.8% เราคาดว่า BDMS จะแจ้งอัตราภาษีที่แท้จริงใกล้เคียงกับระดับปกติที่ 19.8% ในช่วงเวลาดังกล่าว เพราะการจ่ายภาษีลดลงจากการประหยัดพลังงานตามสิทธิประโยชน์ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)
เมื่อพิจารณาว่ากำไรงวด 9 เดือนปี 68 อาจอ่อนตัวลงกว่าคาดและประเด็นความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทยกับกัมพูชายังไม่จบในระยะสั้น เราคาดว่ารายได้ระยะยาวของ BDMS จะเติบโตในอัตราที่ต่ำกว่าคาด ดังนั้น เราจึงปรับลดประมาณการกำไรลงราว 7.1% อยู่ที่ 1.60 หมื่นล้านบาท (ทรงตัว YoY) ปี 2568F และลง 9.6% อยู่ที่ 1.77 หมื่นล้านบาท (+10.4% YoY) ปี 2569F บนสมมติฐานที่ i) ปรับลดรายได้ปี 2568F ลง 1.9% และปี 2569F ลง 3.7% และ ii) ปรับลดอัตรากำไรขั้นต้นปี 2568F-69F ลงปีละ 1.0ppt
เรายังคงชื่นชอบ BDMS ด้วยแพลตฟอร์มโรงพยาบาลที่แข็งแกร่งพร้อมมีความหลากหลายที่ดีผ่านแบรนด์ต่างๆ อีกทั้ง BDMS ยังเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีเครือข่ายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ทั้งนี้ เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" และขยับราคาเป้าหมายไปเป็นสิ้นปี 2569F ที่ 24.50 บาท (ใช้ WACC ที่ 8.0% และ TG ที่ 1.0%) จากเดิม32.00 บาท (ฐานปี 2568F และ TG ที่ 2%)