บมจ.เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท [SHR] รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/68 มีกำไรจากการดำเนินงานหลักก่อนรายได้อื่นๆ และส่วนแบ่งกำไร (ขาดทุน) จากบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้าที่ 360.4 ล้านบาท และ Adjusted EBITDA 679.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17% และ ร้อยละ 11% จากไตรมาสเดียวกันของปี 67 ตามลำดับ โดยมีรายได้จากการขายและการให้บริการ 2,578.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของความมุ่งมั่นยกระดับคุณภาพห้องพักและการให้บริการ ซึ่งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เพิ่มขึ้นอย่ำงต่อเนื่อง
โดยโรงแรมที่บริษัทบริหารจัดการเองในประเทศไทยมีกำรเติบโตที่โดดเด่น จากอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) ที่ 68% เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPar) เพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของโรงแรมทราย ลากูน่า ภูเก็ต ที่สามารถเพิ่มอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยรายวัน (ADR) ได้ถึงกว่ำ 33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากการนำเสนอห้องพักรูปแบบใหม่ที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากแขกผู้เข้าพัก และได้รับแรงสนับสนุนจากกลยุทธ์การตลาดเชิงรุกที่มีประสิทธิภาพ ที่สามารถเข้ำถึงกลุ่มลูกค้าที่มีความหลากหลายและสมดุลมากขึ้น
นอกจำกนี้กลุ่มโรงแรมในโครงการ Crossroads ในประเทศมัลดีฟส์ ประกอบด้วย โรงแรม SAii Lagoon Maldives และ Hard Rock Hotel Maldives มีผลงานเติบโตไปในทิศทางที่ดี หากพิจาณราผลการดำเนินงานโดยไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ทั้ง 2 โรงแรม สามารถเพิ่มระดับรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPAR) ในไตรมาส 3/68 เพิ่มขึ้นได้ 12% จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า จากการเพิ่มขึ้นของอัตราการเข้าพักมาอยู่ที่ 75% ซึ่งเป็น ซึ่งเป็นอัตราการเข้าพักที่สูงที่สุดสำหรับไตรมาส 3 ตั้งแต่ผ่านช่วงโควิด-19 แม้จะรับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่ำ ส่งผลให้รับรู้รำยได้เป็นสกุลเงินบาทลดลง แต่เมื่อประกอบกับการบริหารต้นทุนในการขายและการให้บริการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้กลุ่มบริษัทมีผลการดำเนินงานที่ออกมาดีขึ้น
ขณะที่ในช่วง 9 เดือนทีผ่านมา มีกำไสุทธิสำหรับงวด 9 เดือนอยู่ที่ 328.4 ล้านบาท และมี Adjusted EBITDA ที่ 1,994.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยภาพรวมของการท่องเที่ยวยังมีการขายตัวที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่คาดว่าจะเติบโตได้อย่างโดเด่น จากนักท่งอเที่ยวจีนที่ฟื้นตัวกลับมา นักท่องเที่ยวจากสหรัฐและตะวันออกกลางที่มีกำลังซื้อสูง เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมากขึ้น ประกอบกับการขยายเส้นทางและเชื่อมโยงทางการบินของสายการบินต่างๆ เป็นปัจจัยสนับสนุนต่อภาคการท่องเที่ยว แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนจากปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ และภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนก็ตาม แต่บริษัทจะพิจารณากลยุทธ์ที่เหมาะสมในการรับมือผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น โดยการใช้กลยุทธ์การตลาดเชิงรุกที่ยืดหยุ่นเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากกลาย เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายของแผนการดำเนินงานที่ได้วางไว้