นายเสกสรร ครองพาณิชย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พี.เอส.พี. สเปเชียลตี้ส์ [PSP] เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/68 มีกำไรสุทธิ 210 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97 ล้านบาท หรือ 86% เทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 113 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตหลักมาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น และการขยายตลาดต่างประเทศที่มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์และตลาดที่ทำกำไรได้สูง
ด้านผลการดำเนินงานรอบ 9 เดือน ในปี 68 PSP มีรายได้รวม 9,759 ล้านบาท กำไรสุทธิรวม 736 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 238 ล้านบาท หรือ 48% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 498 ล้านบาท

กำไรสุทธิรวมของรอบ 9 เดือนในปี 68 สูงกว่ากำไรสุทธิรวมทั้งปี 67 อยู่ที่ 672 ล้านบาท การเติบโตของผลประกอบการหลัก ๆ มาจากการเพิ่มขึ้นของกำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าและบริการ และการขยายตลาดที่มีอัตราการทำกำไรสูง รวมถึงการบริหารต้นทุนวัตถุดิบและสินค้าคงเหลือที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับส่วนแบ่งกำไรที่เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากบริษัทร่วมและบริษัทร่วมค้า รวมทั้งต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจากการชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน
ทั้งนี้ ผลประกอบการดังกล่าวเป็นไปตามกลยุทธ์หลักของบริษัทฯ ที่มุ่งรักษาความเป็นผู้นำตลาดภายในประเทศ ควบคู่ไปกับการเร่งขยายตลาดเพื่อเพิ่มสัดส่วนยอดขายและรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ของ PSP ในต่างประเทศ ปัจจุบัน PSP ส่งออกผลิตภัณฑ์หล่อลื่นในสัดส่วนมากกว่า 20% ของรายได้รวม ไปมากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุม 5 ทวีป โดยในปี 67 ที่ผ่านมาได้ขยายตลาดไปยังญี่ปุ่น ประเทศแถบยุโรปและประเทศในแอฟริกา รวมทั้งในอเมริกาเหนือ ส่วนในปีนี้ PSP ใช้กลยุทธ์รักษาฐานตลาดส่งออกเดิม ควบคู่กับกลยุทธ์ขยายตลาดใหม่เพื่อการเติบโตในตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
"ในไตรมาส 3 ปีนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังคงได้รับผลกระทบจากความผันผวนด้านการค้าและราคาพลังงาน โดยเฉพาะต้นทุนการขนส่งระหว่างประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้นตามสถานการณ์ภาษีนำเข้าและค่าธรรมเนียมท่าเรือในหลายประเทศ ขณะที่ราคาน้ำมันโลกยังคงเคลื่อนไหวตามปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์และความต้องการใช้น้ำมันในภูมิภาคต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์ดังกล่าว จะไม่ได้มีผลกระทบโดยตรงต่อบริษัท ทาง PSP ได้ติดตามสถานการณ์และแนวโน้มดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินโอกาสในการขยายตลาดและเพื่อรองรับทิศทางการเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทานโลก"นอกจากธุรกิจซึ่งเป็นรายได้หลักแล้ว PSP ยังมองหาโอกาสในการสร้างรายได้ใหม่ที่ตอบโจทย์เป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืน อาทิ ไตรมาส 1 ปีนี้ ได้เปิดบริการ "พีเอสพี แล็บฯ" หรือ PSP Laboratory Service เพื่อรับวิจัย พัฒนา และตรวจสอบควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์หล่อลื่น ซึ่งเป็นบริการใหม่จาก PSP ที่ต่อยอดความเชี่ยวชาญจากประสบการณ์ในการวิจัย พัฒนา ตรวจสอบควบคุมคุณภาพ และผลิตผลิตภัณฑ์หล่อลื่นที่มีคุณภาพสูงมาโดยตลอด
และไตรมาส 3 ปีนี้ ได้เข้าซื้อหุ้นส่วนที่เหลือของ บริษัท รีไซเคิล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (RE) ผู้เชี่ยวชาญด้านการรีไซเคิลสารเคมี ส่งผลให้ PSP ถือหุ้น RE 100% โดยมีเป้าหมายเพื่อการส่งเสริมธุรกิจหลักให้เติบโตเป็นธุรกิจยั่งยืน รวมถึงได้ร่วมทุนกับพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมบริการ จัดตั้ง บริษัท อัพลิกซ์ จำกัด ธุรกิจบริการด้านการฝึกอบรมด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมทั้งการจำหน่าย ให้เช่าติดตั้ง ตรวจสอบ และซ่อมบำรุงอุปกรณ์ความปลอดภัย เพื่อสร้างการเติบโตใหม่จากจุดแข็งที่สั่งสมมานานกว่า 35 ปี" นายเสกสรร กล่าว
ในไตรมาส 4/68 นี้ PSP ยังคงมีแผนดำเนินงานเชิงรุก โดยมุ่งเน้นเรื่องการรักษาและขยายฐานลูกค้าใหม่ในประเทศซึ่งเป็นตลาดที่สำคัญ ขณะที่เร่งรุกเจาะตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น ด้วยการเพิ่มกิจกรรมทางการขายและการตลาดในแต่ละประเทศ รวมทั้งสร้างความรับรู้และสร้างความน่าเชื่อถือเกี่ยวกับ PSP ในระดับสากล เพื่อผลักดันการเติบโตของ PSP ควบคู่กับการขับเคลื่อนการดำเนินงานสู่ธุรกิจยั่งยืน พร้อมแนวคิด ESG ตามแผนธุรกิจปี2568
"ผลการดำเนินงานของเราตลอด 9 เดือนในปี 2568 เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งตามแผนที่วางไว้ โดยกำไร 9 เดือน สูงกว่ากำไรปีที่ผ่านมาทั้งปี ซึ่งหมายความว่าปีนี้บริษัทฯ จะมีผลกำไรที่สูงที่สุดตั้งแต่ตั้งบริษัทมา ต่อเนื่องถึง 2 ปีซ้อน และตั้งเป้าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1. การเป็นผู้นำที่ยั่งยืน เน้นเพิ่มสัดส่วนรายได้จากลูกค้าต่างประเทศ 2. การสร้างการเติบโตใหม่จากจุดแข็งที่มี ซึ่งรวมไปถึงผลิตภัณฑ์รักษ์โลกและผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงที่ตอบโจทย์ความต้องการในอนาคต และ 3. พัฒนาโอกาสทางธุรกิจใหม่ด้วยการผนึกกำลังกับพันธมิตร ที่สำคัญคือ เราดำเนินธุรกิจตามเป้าหมายและตามแนวทางความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งนี้ เรามีเป้าหมายลดอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ Net Zero ภายในปี 2593 เพื่อการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้อย่างยั่งยืน" นายเสกสรร กล่าว