นายจีระศักดิ์ มานะตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอ็ม พี เจ โลจิสติกส์ [MPJ] เปิดเผยว่า แผนการลงทุนในช่วงที่เหลือของปี 68 บริษัทยังเดินหน้ากลยุทธ์ขยายการให้บริการใน 4 กลุ่มธุรกิจต่อเนื่อง โดยเฉพาะ ธุรกิจให้บริการขนส่งทางบกต่อเนื่องกับท่าเรือ เนื่องจากล่าสุด บริษัทขยายพื้นที่ลานตู้คอนเทนเนอร์เพื่อรองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นใน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการขยายลานตู้คอนเทนเนอร์ที่แหลมฉบัง ซึ่งสามารถรองรับตู้คอนเทนเนอร์ได้ประมาณ 10,000 ตู้ และลานตู้คอนเทนเนอร์ที่ลาดกระบัง ที่สามารถรองรับตู้คอนเทนเนอร์ได้ประมาณ 12,000 ตู้ และจากแผนการขยายลานตู้ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ตั้งเป้าธุรกิจบริหารการจัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์ เติบโต 14% จากปีที่ผ่านมา
ขณะที่ธุรกิจให้บริการด้านการบริหารการจัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์ บริษัทฯ มีแผนขยายเครือข่ายการขนส่งภายในประเทศ (Domestic Transportation) ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงหาลูกค้าในอุตสาหกรรมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ พร้อมวางเป้าหมายรายได้เติบโต 12% จากปีที่มาด้านธุรกิจให้บริการจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ มีแผนขยายส่วนแบ่งตลาดในภูมิภาคใหม่ๆ โดยเน้นไปที่เอเชียและตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ดังนั้นจึงเชื่อว่าในธุรกิจดังกล่าวจะมีรายได้ใกล้เคียงกับปี 2567 และธุรกิจให้บริการให้เช่าคลังสินค้า บริษัทฯ มีแผนการลงทุนก่อสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่ เฟส 2 ที่จังหวัดระยอง เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่าโครงการดังกล่าวจะเริ่มก่อสร้างในไตรมาส 2/69 และเริ่มทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ ไตรมาส 1/70 เป็นต้นไป
นายจีระศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจโลก และสงครามทางการค้าที่มีความผันผวนสูง ถือเป็นแรงกดดันขนาดใหญ่ที่มีผลให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัว แต่ด้วยการบริหารจัดการและควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 68 มีกำไรสุทธิ 91.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.70% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และมีรายได้จากการให้บริการรวม 809 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.60% (YoY)
ขณะเดียวกันงวดไตรมาส 3/68 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% (YoY) และมีรายได้จากการให้บริการรวม 272.70 ล้านบาทลดลง 5.4% YoY จากการลดลงของรายได้ธุรกิจให้บริการจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเนื่องจากการแข่งขันสูงและสถานการณ์เศรษฐกิจและสงครามทางการค้าที่มีความผันผวนสูง อย่างไรก็ตามธุรกิจให้บริการขนส่งทางบกต่อเนื่องกับท่าเรือมีรายได้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้อัตราการเติบโตของผลประกอบการโดยภาพรวมดังเกิดจากปัจจัยสนับสนุนใน 4 กลุ่มธุรกิจ
ธุรกิจให้บริการขนส่งทางบกต่อเนื่องกับท่าเรือ : งวด 9 เดือนแรก มีรายได้ 390.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.60% (YoY) และงวดไตรมาส 3/68 มีรายได้ 130.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.60% (YoY) เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ต่อเที่ยวจากการให้บริการ และการใช้รถ Outsource ให้บริการ ส่งผลให้มีความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น จากการบริหารจัดการหมุนเวียนรถให้สามารถเพิ่มการรับงานต่อเที่ยวได้สูงขึ้น
ธุรกิจให้บริการด้านการบริหารการจัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์ : งวด 9 เดือนแรก มีรายได้ 257.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.20% (YoY) และงวดไตรมาส 3/68 มีรายได้ 86.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.40% (YoY) เนื่องจากการเติบโตในส่วนปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ที่เข้าและออกเพิ่มมากขึ้น ซึ่งรายได้หลักในการบริการ ด้านบริหารการจัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์มาจากรายได้ค่ายกตู้คอนเทนเนอร์ และรายได้ค่าซ่อมตู้คอนเทนเนอร์ รวมถึงมีการบริหารจัดการพื้นที่ลานตู้คอนเทนเนอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ธุรกิจให้บริการจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ : งวด 9 เดือนแรก มีรายได้ 138.10 ล้านบาท และงวดไตรมาส 3/68 มีรายได้ใน 48 ล้านบาท เนื่องจากการแข่งขันในธุรกิจที่ค่อนข้างสูงและภาวะเศรษฐกิจโลก รวมทั้งสงครามทางการค้าที่มีความผันผวนสูง ทำให้บริษัทฯ วางแผนขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มเอเชียและตะวันออกกลางมากขึ้น รวมถึงการปรับแผนการตลาดเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้ทันที
ธุรกิจให้บริการให้เช่าคลังสินค้า : งวด 9 เดือนแรก มีรายได้ 23.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.20% (YoY) และ งวดไตรมาส 3/68 มีรายได้ 7.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.3% (YoY) เนื่องจากบริษัทฯ เริ่มรับรู้รายได้การให้บริการให้เช่าคลังสินค้าเพิ่มขึ้นอีกแห่งหนึ่ง โดยมีขนาดพื้นที่ประมาณ 12,463 ตารางเมตร ในจังหวัดระยอง ตั้งแต่เดือนเมษายน 67