CHAYO ชี้ปี 69 ปีทองธุรกิจบริหารหนี้จัดงบซื้อหนี้ 500-1 พันลบ.อัพรายได้โต 20% ส่องช่องโดดร่วม JV AMC

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 18, 2025 16:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ชโย กรุ๊ป [CHAYO] เปิดเผยว่า ในปี 69 มีแนวโน้มจะเป็นปีทองของธุรกิจบริหารหนี้ หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดทางให้ภาคเอกชนร่วมบริหารจัดการหนี้ด้อยคุณภาพกับสถาบันการเงินผ่านรูปแบบกิจการร่วมทุน (Joint Venture AMC) ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณงานและขยายฐานรายได้ของบริษัท โดยเฉพาะธุรกิจบริหารหนี้ไม่มีหลักประกัน ซึ่งบริษัทมีความเชี่ยวชาญ สะท้อนจากพอร์ตลูกหนี้กว่าหลายล้านราย สัดส่วนราว 70% เป็นหนี้ไม่มีหลักประกัน และส่วนใหญ่เป็นหนี้วงเงินไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย ถือเป็นพอร์ตที่บริษัทสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ธปท. เปิดกรอบเวลา 2 ปีสำหรับการยื่นขอจัดตั้ง JV AMC และให้สิทธิดำเนินธุรกิจได้ยาว 15 ปี ซึ่ง CHAYO พร้อมเข้าร่วมเต็มที่ ทั้งด้านระบบบริหารจัดการ การดำเนินงานหลังบ้าน และความสามารถในการเชื่อมต่อข้อมูลกับเครดิตบูโร ผ่านระบบเทคโนโลยีของบริษัทที่รองรับงานตั้งแต่กระบวนการรับโอนสิทธิ์ การจัดการเอกสาร ไปจนถึงการประมวลผลข้อมูลของพอร์ตหนี้ทั้งมีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน

CHAYO จึงประเมินแนวโน้มปี 69 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 20% โดยคาดว่าทั้งธุรกิจบริหารหนี้ และความคืบหน้าของโครงการ JV AMC จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ขณะเดียวกันบริษัทเตรียมนำเสนอแผนต่อคณะกรรมการเพื่ออนุมัติงบลงทุนจัดซื้อหนี้เพิ่มอีก 500-1,000 ล้านบาทในปีหน้า เพื่อรองรับโอกาสการเติบโตหลังโครงการ JV AMC เปิดตัวอย่างเป็นทางการ

สำหรับผลประกอบการในงวด 9 เดือนแรกของปี 68 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 299.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของก่อนจำนวน 12.61 ล้านบาท และเป็นกำไรส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 203.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.53% จากงวดเดียวกันปีก่อน เนื่องจากการเติบโตของกำไรขั้นต้นและรายได้ที่เพิ่มขึ้น

โดยรายได้รวมอยู่ที่ 1,663.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 164.73 ล้านบาท หรือ 10.99% ตามรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพจำนวน 163.02 ล้านบาท โดยเป็นยอดจัดเก็บหนี้ที่ไม่มีหลักประกันและหนี้มีหลักประกันของหนี้ด้อยคุณภาพ 632.27 ล้านบาท มากกว่างวดเดียวกันของปีก่อน 52.70 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.09% จากสาเหตุที่บริษัทได้ซื้อพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพชนิดไม่มีหลักประกันมาบริหารเพิ่มเติมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลให้บริษัทมีรายได้เพิ่มมากขึ้น

เช่นเดียวกับรายได้จากการให้บริการเร่งรัดหนี้สิน เพิ่มขึ้น 30.28% จากปริมาณงานและยอดจัดเก็บหนี้ในส่วนงานที่รับจากสถาบันการเงินได้มากขึ้น รวมทั้งรายได้จากการให้บริการจัดหาคนก็เพิ่มขึ้นสูงถึง 75.96% ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ว่าจ้างที่เพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้จากการปล่อยสินเชื่อให้กู้ยืมลดลง 14.15% ซึ่งเป็นผลจากการปล่อยสินเชื่อที่ลดลง โดยยอดลูกหนี้ให้กู้ยืม ณ สิ้น 30 มิถุนายน 2568 อยู่ที่ 929.17 ล้านบาท

ส่วนผลประกอบการงวดไตรมาส 3/68 บริษัทมีรายได้รวม 585.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.26% มีกำไรสุทธิ 61.91 ล้านบาท ลดลง 55.36% และเป็นกำไรส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 28 ล้านบาท สาเหตุหลักเป็นผลจากการตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้น จากการปรับประมาณการหนี้มีหลักประกันที่ครบ 5 ปี และการเพิ่มขึ้นของพอร์ตหนี้ไม่มีหลักประกันในช่วงปี 67

"ผลงานในไตรมาส 3/68 แม้จะได้รับผลกระทบจากการตั้งสำรองด้านเครดิต (ECL) ที่เพิ่มขึ้นตามมาตรฐานการบัญชีและการปรับประมาณการของพอร์ตสินทรัพย์ที่มีหลักประกันครบ 5 ปี แต่ธุรกิจหลักและยอดการเก็บหนี้ไม่มีหลักประกันยังเติบโตแข็งแกร่ง สะท้อนจากงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 CHAYO มีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่เพิ่มขึ้นเกือบ 13% โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้รวมที่ขยายตัวต่อเนื่อง และอัตรากำไรขั้นต้นที่เติบโตโดดเด่นในระดับเกือบ 90% ช่วยลดผลกระทบจาก ECL ได้อย่างมีประสิทธิภาพ" นายสุขสันต์กล่าว

ปัจจุบันบริษัทมีพอร์ตบริหารหนี้รวมมากกว่า 107,000 ล้านบาท และยังคงเดินหน้ารับซื้อหนี้เข้ามาบริหารเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปีนี้ด้วยวงเงินอีก 100-200 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทยังจับตาสถานการณ์ในเดือนธันวาคม หากมีการปล่อยขายหนี้เพิ่มและราคาปรับลดลง CHAYO ก็พร้อมเข้าซื้อเพิ่มเติมทันที จึงยังคงตั้งเป้าหมายรายได้ทั้งปี 68 เติบโตจากปีก่อน 20% ไว้ดังเดิม หรืออย่างน้อยสามารถทำได้ไม่ต่ำกว่า 10% สาเหตุที่ยังไม่มีการปรับลดเป้า เพื่อสะท้อนถึงความมั่นใจในศักยภาพของธุรกิจและทิศทางเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวต่อเนื่อง บริษัทเน้นไปที่หนี้ที่ไม่มีหลักประกันเป็นหลัก และยังอยู่ระหว่างการหาโอกาสร่วมมือกับภาครัฐในการบริหารหนี้ภาคประชาชนที่รัฐบาลตั้งใจซื้อออกมาเพื่อช่วยเหลือประชาชน ขณะที่สถานะทางการเงินปัจจุบันของบริษัทถือว่ายังมีความแข็งแกร่ง โดยมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ประมาณ 0.92 เท่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ