SUSCOรับผลน้ำท่วมลดเป้ารายได้ปี54 มาที่ 1.2-1.3 หมื่นลบ.,Q4/54 รับเต็ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 9, 2011 12:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซัสโก้(SUSCO)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทได้ปรับลดยอดขายในปี 54 เหลือ 12,000-13,000 ล้านบาท จากเดิมที่วางเป้าหมายไว้ที่ 14,000 ล้านบาทเนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม ทำให้สถานีบริการน้ำมันและก๊าซเอ็นจีวีต้องปิดให้บริการ จำนวน 10 แห่ง

แต่กำไรทั้งปีน่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย โดยสูงขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากครึ่งปีแรกบริษัทสามารถทำกำไรแล้วแล้วกว่า 64.2 ล้านบาท ซึ่งเกือบเท่ากำไรทั้งปี 53 ที่มีกำไรสุทธิ 79.14 ล้านบาท

ไตรมาส 3/54 คาดว่ายอดขายและกำไรของบริษัทจะเติบโตได้ดีกว่าไตรมาส 2/54 ที่มีกำไรสุทธิ 23.5 ล้านบาท แต่ไตรมาส 4/54 ยอดขายคงจะลดลงจากผลกระทบจากน้ำท่วม แต่คงส่งผลลบไม่มากนัก นอกจากนี้บริษัทจะได้มีหาวางแนวทางการลดต้นทุน เพื่อลดผลกระทบ โดยจะขอเจรจาของลดค่าเช่าที่ดินของสถานีบริการเพื่อลดค่าใช้จ่าย

"ของเราจะโดนกระทบจริงๆก็ช่วงต้น พ.ย. ก็มองว่าน่าจะกระทบช่วง 2 เดือนสุดท้าย เพราะช่วง ต.ค.ยอดขายเรายังไปได้ดีอยู่ แต่ในปั๊มอื่นที่ไม่น้ำท่วมก็มียอดขายเพิ่มขึ้นบ้าง ก็มาช่วยทดแทนกัน โดยรวมก็น่าจะทำให้ยอดขายปีนี้เหลือ 12,000 ล้านบาทปลายๆ ถึง 13,000 ล้านบาท"นายชัยฤทธิ์ กล่าว
สำหรับแผนการฟื้นฟูหลังน้ำลด บริษัทได้เตรียมการวางแผนเพื่อซ่อมบำรุงสถานีบริการที่เสียหาย ซึ่งมีไม่มากนัก โดยทั้งหมดมีการทำประกันครอบคลุมความเสียหายไว้หมดแล้ว

ส่วนแผนงานในปี 55 คาดว่าหลังสถานการณ์น้ำคลี่คลายทุกคนเริ่มกลับมาฟื้นฟูบ้านเรือนและธุรกิจ และระบบเศรษฐกิจกลับมาจะทำให้ความต้องการให้น้ำมันและก๊าซเอ็นจีวีเพิ่มขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อธุรกิจของบริษัทให้ยอดขายเติบโตได้มากขึ้นตามไปด้วย โดยบริษัทยังยึดนโยบายที่ดำเนินการต่อเนื่องมา 1-2 ปีแล้ว คือ การขยายตลาด ซึ่งในปีหน้ามีแผนที่จะเปิดสถานีบริการเอ็นจีวี 5-10 แห่ง แต่ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลในกาประกาศลอยตัวราคาก๊าซเดือนละ 0.50 บาท เพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงหรือไม่ เพราะหากรัฐบาลยังคงเลื่อนออกไป บริษัทก็ต้องทบทวนการเปิดสถานีบริการด้วย รวมถึงการพิจารณาทำเลการเปิดว่าจะเสี่ยงจากน้ำท่วมอีกหรือไม่

นอกจากนี้วางเป้าหมายที่จะขยายตลาดส่งออกน้ำมันไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพิ่มขึ้นเป็น 50%ของรายได้รวม จากปัจจุบันอยู่ที่ 40% ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงทางธุรกิจได้ด้วย หากธุรกิจน้ำมันในประเทศซบเซา ประกอบกับตลาดประเทศเพื่อนบ้านยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง และบริษัทมีพันธมิตรคู่ค้าที่ดี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ