นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลทุน (บลป.) เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดแกว่งตัวออกด้านข้างลักษณะเดียวกับช่วง 2 วันที่ผ่านมา โดยดัชนียังคงพยายามทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,275-1,280 จุด ซึ่งเป็นระดับที่มีแรงขายทำกำไรออกมาเมื่อเด้งขึ้นไประหว่างเทรด
ตลาดยังรอติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่ประเด็นที่น่าจับตาคือมุมมองต่อทิศทางดอกเบี้ยในปีหน้าผ่าน Dot Plot ว่าเฟดจะส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยกี่ครั้งเมื่อเทียบกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ประมาณ 2-3 ครั้ง
สำหรับปัจจัยในประเทศวันนี้ยังไม่มีประเด็นใหม่ที่มีนัยสำคัญ แต่ต้องติดตามการเปิดประชุมสภาผู้แทราษฎรในสัปดาห์หน้า ซึ่งอาจทำให้ประเด็นทางการเมืองกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง โดยเฉพาะกระแสข่าวเรื่องการยุบสภาเร็วกว่ากำหนดที่เริ่มซาลง
ส่วนวันหยุดยาวของตลาดหุ้นในวันพรุ่งนี้และสัปดาห์หน้า มองว่าจะส่งผลกระทบต่อปริมาณการซื้อขายเพียงเล็กน้อย เนื่องจากสถิติในอดีตชี้ให้เห็นว่าวันหยุดของต่างชาติมีผลกระทบต่อวอลุ่มการซื้อขายมากกว่าวันหยุดยาวของไทย
ด้านกลยุทธ์การลงทุนวันนี้แนะนำเลือกซื้อหุ้นรายตัว (Selective Buy) โดยเน้นหุ้นขนาดใหญ่ที่มี Valuation อยู่ในโซนล่าง ซึ่งมีโอกาสฟื้นตัวและได้รับอานิสงส์จากกระแสเงินทุนไหลเข้า (Fund Flow) ในช่วงสั้นๆ
โดยให้แนวรับที่ 1,268-1,270 จุด และแนวต้านที่ 1,280 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (3 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 47,882.90 จุด เพิ่มขึ้น 408.44 จุด หรือ +0.86%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,849.72 จุด เพิ่มขึ้น 20.35 จุด หรือ +0.30% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,454.09 จุด เพิ่มขึ้น 40.42 จุด หรือ +0.17%
- ตลาดหุ้นเอเชียภาคเช้าเปิดบวกเป็นส่วนใหญ่ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 49,942.94 จุด เพิ่มขึ้น 78.26 จุด หรือ +0.16%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 25,804.01 จุด เพิ่มขึ้น 43.28 จุด หรือ +0.17% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,879.74 จุด เพิ่มขึ้น 1.74 จุด หรือ +0.04%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (3 ธ.ค.) 1,274.82 จุด ลดลง 2.76 จุด (-0.22%) มูลค่าซื้อขาย 36,323.96 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ (3 ธ.ค.) 217.98 ล้านบาท
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. (3 ธ.ค.) เพิ่มขึ้น 31 เซนต์ หรือ 0.53% ปิดที่ 58.95 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (3 ธ.ค.) อยู่ที่ 4.57 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.89 แข็งค่าสอดคล้องภูมิภาค รับดอลลาร์อ่อน คาดกรอบวันนี้ 31.80-32.05
- "อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค.คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค. ลั่นยังไม่แตะมือใครหลังศึกเลือกตั้ง ไม่หวั่นน้ำท่วมหาดใหญ่พัด ภท.คะแนนตก ขณะที่ "มาร์ค" ลับมีดพร้อมสับปมสแกมเมอร์ เตรียมกำลังชิงคะแนนเสียง ด้าน "ส้ม" ปลุกคนไทยในเยอรมนีใกล้ถึงช่วงเปลี่ยนผ่าน "ดร.เอ้" โปรยแคมเปญพาไทยหลุดหลุมดำเลิกจมน้ำจมหนี้ "ทวี" ยังไม่ลอยแพประชาชาติ
- นายกฯ ลั่น ลุยปราบอาญกรรมข้ามชาติ-สแกมเมอร์ ยันรัฐบาลเอาจริง ไม่สนหน้าอินทร์ หน้าพรหม ยึดปิดชื่อถือพฤติกรรม เป็นหลัก ขอประชาชนมั่นใจ และไว้ใจรัฐบาล ไม่ใช่ได้เป้าแล้วหยุดพักร้อนต่อปีใหม่ ก่อนทิ้งท้าย I can Always catch you สะเทือนพบภาพนายกฯ-เอกนิติ ร่วมเฟรมถ่ายรูปเบนสมิธ
- "สรรพสามิต" ปักธงเสนอ ครม.เคาะปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ภายในเดือน ธ.ค.68 ชงเก็บแบบอัตราเดียว เชื่อช่วยอุตสาหกรรมบุหรี่มีอิสรเสรีในการตั้งราคาขายมากขึ้น
- กกร.ชี้น้ำท่วมทุบเศรษฐกิจไทยทำสูญรายได้ 1.2 แสนล้าน คาดปี 69 จีดีพีขยายตัวแค่ในกรอบ 1.6-2.0% เหตุรับผลกระทบจาก ศก.จีนยังไม่โต-มาตรการภาษีของสหรัฐไม่นิ่ง การแข่งขันสินค้านำเข้ามากขึ้น ฉุดภาคการผลิต การจ้างงาน และกำลังซื้อในประเทศตก ด้านพาณิชย์เผย เงินเฟ้อ พ.ย.68 ลด 0.49% ลงต่อเนื่อง 8 เดือนติด
- FETCO เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับลดสู่เกณฑ์ "ทรงตัว" ติดตามนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)-ความตึงเครียดทางการทูตระหว่างประเทศญี่ปุ่นและจีน และสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา อีกทั้งการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมของ กนง. รวมถึงเม็ดเงินจากกองทุนประหยัดภาษีที่จะเข้ามากระตุ้นตลาดทุนไทยในช่วงเดือนสุดท้ายของปี
- AOT (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 55.5 บาท ปรับเพิ่มคำแนะนำจาก "ถือ" เป็น"ซื้อ" ด้วยราคาเป้าหมาย 55.50 บาท จากเดิม 40.00 บาท เพื่อสะท้อนการปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 69-70 ขึ้น 12.9% และ 46% ตามลำดับ จาก 1)รายได้จากสัมปทานที่ลดลงจากการแก้ไขสัญญาดิวตี้ฟรี 2)รายได้ค่าบริการผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นจากการปรับเพิ่ม PSC และ 3)ประมาณการจำนวนผู้โดยสารที่สูงขึ้นเป็น 121 ล้านคนและ 129 ล้านคน สำหรับปี 69-70 จาก 117 ล้านบาท และ 121 ล้านคนตามลำดับ และ AOT เป็นหนึ่งในผู้ได้รับประโยชน์หลักจากผู้โดยสารระหว่างประเทศปรับตัวดีขึ้น
- ERW (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus 3.16 บาท โมเมมตัมกำไรในไตรมาส 4/68 คาดเร่งตัวขึ้น q-q จาก High Season ท่องเที่ยวไทย ส่วน RevPar เดือน ต.ค.-พ.ย.ติดลบบางๆ y-y ส่วน Hop Inn ยังเติบโตได้ คาดาโมเมมตัมปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 1/69 จาก Peak Season ส่วน Catalyst บวกระยะสั้นอยู่ที่ความคาดหวังเชิงบวกต่อนักท่องเที่ยวจีนมีโอกาสพลิกกลับมาเพิ่มขึ้น หลังสถานการณ์จีน-ญี่ปุ่นตึงเครียดขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวจีนมีแนวโน้มเปลี่ยนจุดปลายทางมาถึงประเทศอื่นในเอเชีย ด้าน Valuation ยังไม่แพง เทรด 2026 PER เพียง 13.6 เท่า