นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กเรียกร้องให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ออกประกาศเตือนนักลงทุนว่าการซื้อหุ้น 7 บริษัทที่พัวพันกับขบวนการฟอกเงิน และอยู่ระหว่างการตรวจสอบของ ก.ล.ต. ไม่เช่นนั้นผู้ที่เข้าไปเกี่ยวข้องอาจเข้าข่ายซื้อของโจร
นายกรณ์ ระบุว่า เป็นที่รู้กันในวงการหุ้นว่าช่วงก่อนการเลือกตั้งมีความพยายามที่จะเร่งขายหุ้นโดยกลุ่มที่โยงกับแก๊งค์ฟอกเงิน ซึ่งหุ้นที่ว่านี้ยังไม่ได้ถูกอายัด เพราะมีการแอบถืออยู่ในบัญชี nominee ซึ่งการที่มิจฉาชีพต่างชาติจะฟอกเงินในระบบเศรษฐกิจไทยได้นั้น ต้องได้รับความร่วมมือจากคนไทย ก.ล.ต. ต้องเอาจริงกับทุกคน
ดังนั้น เรื่องด่วนที่ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ต้องรีบดำเนินการคือ ต้องออกคำเตือนว่าการซื้อหุ้น 7 บริษัทที่ ก.ล.ต. อยู่ในช่วงการสอบสวน มีความสุ่มเสี่ยงที่จะมีผลเป็นการซื้อของโจร ซึ่งจะเป็นการช่วยให้กลุ่ม scammer ขนเงินหนีไปได้ โดยเฉพาะการซื้อหุ้นแบบ Big Lot
"ก.ล.ต. ต้องย้ำว่าการรับซื้อหุ้นจากกลุ่มฟอกเงิน อาจถูกตีความว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับโจร สุ่มเสี่ยงกับถูกการดำเนินการทางกฎหมาย
นายกรณ์ เปิดเผยเพิ่มเติมผ่านรายการโทรทัศน์เช้านี้ โดยกล่าวถึง 7 บริษัทที่ ก.ล.ต.กำลังสอบสวนว่า กังวลว่าตอนนี้กลุ่มฟอกเงินคงพยายามจะรีบโยกย้ายถ่ายโอนหุ้นและสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ ที่ลงเงินไว้ก่อนที่จะมีการประกาศอายัดเพิ่มเติม และมีสัญญาณชัดเจนว่าเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีความพยายามในการขายหุ้นที่ถืออยู่ในชื่อคนอื่น ไม่ได้อยู่ในบัญชีที่ถูกอายัดไป ดังนั้น จึงอยากให้ ก.ล.ต. ปิดช่องโหว่เหล่านี้ให้ได้โดยเร็ว
การที่ชี้เป้าไปที่ 7 บริษัท เนื่องจากเป็นบริษัทที่ ก.ล.ต.ได้ประกาศไว้ช่วงปลายเดือน พ.ย.68 ว่ามีการสอบสวนว่าอาจมีความเกี่ยวโยงกับขบวนการฟอกเงิน อย่างไรก็ดี หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินก็มีมากกว่า 7 บริษัทนี้
"ควรที่จะเร่งดำเนินการ เพราะมีบิ๊กล็อต มีการเร่ขายหุ้นก้อนใหญ่ของบางบริษัท โดยกลุ่มบุคคลที่มีความเกี่ยวโยง ซึ่งเป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยงต่อผู้ซื้อ เพราะถ้าซื้อไปแล้วพบภายหลังว่าซื้อหุ้นที่ขายโดยบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน ก็จะมีปัญหากับตนเองด้วย ดังนั้น สิ่งที่ ก.ล.ต. ควรเร่งดำเนินการวันนี้คือการออกคำเตือนให้ระมัดระวัง ทั้งนี้ จริง ๆ แล้วสิ่งที่อยากให้ทำเลยคือการฟรีซการซื้อขายหุ้นเลย แต่ก็อาจไม่เป็นธรรมต่อผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนั้น ขั้นต่ำคือการออกมาเตือน โบรกเกอร์ต้องระมัดระวัง" นายกรณ์ กล่าวนายกรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้แก๊งฟอกเงินกำลังเร่ขายหุ้น แต่ไม่ทราบว่ามีกี่บริษัท แต่ที่แน่ ๆ มีหลายบริษัทซึ่งแน่นอนว่าอยู่ในตลาดหุ้น และมีพฤติกรรมที่พิรุธ และเกี่ยวโยงกับบัญชีที่ถูกอายัดไปแล้วด้วยซ้ำไป พร้อมย้ำว่าสแกมเมอร์ นักฟอกเงินข้ามชาติ ไม่สามารถฟอกเงินในไทยได้ถ้าไม่มีคนไทยมาเกี่ยวข้อง
สำหรับหุ้นที่กำลังถูกเร่ขาย นายกรณ์ กล่าวว่า มีบริษัทที่ชื่อขึ้นต้นด้วย "ม" และ "บ" หรือก็คือ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น [BCP] ซึ่งเป็นหุ้นที่ถูกอายัดไปแล้วประมาณ 6,000 ล้านบาท โดยมีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหุ้น BCP และหุ้นบริษัทลูกของบางจาก บมจ.บีซีพีจี [BCPG] ที่ ก.ล.ต. ควรตั้งคำถามและเร่งหาคำตอบโดยเร็ว
กรณีของ BCP มีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา คือมีกรรมการรายหนึ่งถูกถอนอำนาจลงนาม และหลังจากนั้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาก็มีการแจ้งอย่างเป็นทางการจากบริษัทว่า กรรมการรายดังกล่าวขอลาประชุม 30 กว่าวัน เป็นเรื่องแปลกที่มีการแจ้งผ่านตลท. ว่ามีกรรมการลาประชุม โดยทราบมาว่ากรรมการรายนี้ไปต่างประเทศพร้อมกับครอบครัวแล้ว และเป็นกรรมการในฐานะผู้ถือหุ้นทางอ้อมโดยกลุ่มที่ถูกอายัดไป
สิ่งที่ต้องมีคำถามกลับไปที่บริษัท ซึ่งบริษัทมักพูดเสมอว่าเป็นเรื่องของการซื้อขายหุ้น บริษัทไม่เกี่ยว แต่ถ้าย้อนกลับไปดูก็ประหลาดว่ามีบริษัทเข้าไปซื้อหุ้นแล้วหลังจากนั้น 2 วันก็มีการประชุมผู้ถือหุ้นแต่งตั้งกรรมการ 5 คน หลังจากนั้นเพียงแค่ 7 วัน 2 คนที่เพิ่งถูกแต่งตั้งไปก็ลาออกเพื่อเปิดทางให้ตัวแทนกองทุนที่ถูกอายัดไปเข้ามาเป็นกรรมการและมีอำนาจลงนาม ทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วมาก สุดท้ายหุ้นก้อนนี้ถูกอายัดไป และกรรมการรายนี้ก็ถูกถอนอำนาจการลงนาม
คำถามคือตอนที่แต่งตั้งคณะกรรมการของบริษัท บางจากได้ตรวจสอบแล้วหรือไม่ ทั้งที่มาที่ไปของกรรมการรายนี้เป็นตัวแทนของบริษัทที่เข้ามาซื้อหุ้น ซึ่งมีทุนเพียงแค่ 50 ล้านบาท แต่ซื้อหุ้นมูลค่า 10,000 ล้านบาทได้ และเป็นบริษัทที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อต้นปีก่อนที่จะมาซื้อหุ้นบางจากเพียงไม่กี่เดือน ทุกอย่างไม่สมเหตุสมผล มีพิรุธเต็มไปหมด" นายกรณ์ กล่าว