บมจ.ไทยคม [THCOM] มั่นใจผลการดำเนินงานปี 69 ฟื้นมีกำไร แม้ 9 เดือนแรกของปี 68 ยังขาดทุน 88.7 ล้านบาท แต่คาดหวังคว้างาน USO 3 เข้ามาหนุนอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ปลายไตรมาส 2/69 ไทยคม 9 ดวงใหม่จะยิงขึ้นสู่วงโคจร ก่อนที่ไทยคม 10 ดาวเทียมดวงใหญ่ จะยิงขึ้นไปในปี 70 เพื่อก้าวสู่การเติบโตรอบใหม่ เล็งรายได้ปี 71 ขึ้นจุดพีคทะลุ 8 พันล้านบาท พร้อมเดินหน้าหาตลาดเพิ่มในอินเดีย ไทย ญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์
นายปฐมภพ สุวรรณศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร THCOM เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานในปี 69 จะพลิกฟื้นกลับมามีกำไร จากปี 68 ภาพรวมธุรกิจเดินหน้าตามแผนฝ่าความท้าทาย โดยเมื่อ 15 ธ.ค.68 บริษัทได้ยื่นประมูลโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม ระยะที่ 3 (USO เฟส 3) ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มูลค่า 5.5 พันล้านบาท ระยะเวลา 5 ปี หลังจากเปิดประมูลล่าช้าประมาณ 1 ปี
บริษัทมั่นใจว่าจะได้รับงานบางส่วนของ USO เฟส 3 เพราะเคยได้รับงาน USO เฟส 1 และ 2 มาแล้ว โครงการนี้จะช่วยทำให้รายได้และกำไรในปี 69 เติบโต ทั้งนี้คาดว่าราวต้นปี 69 หรือในเดือน ม.ค.69 น่าจะรู้ผลการประมูล
สำหรับธุรกิจดาวเทียม ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของ THCOM ในปีหน้าจะยิงดาวเทียมใหม่ คือ ดาวเทียมไทยคม 9 เป็นดวงเล็กความจุ 10 GHz จะยิงขึ้นสู่วงโคจรปลายไตรมาส 2/69 รองรับตลาดในอินเดียเป็นหลัก รวมถึงไทย ซึ่งมีแผนขายพื้นที่ได้หมดภายใน 1 ปี และถัดไปในปี 70 จะยิงดาวเทียมไทยคม 10 ซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้าง
ในปีนี้บริษัทได้ปิดดีลเงินกู้กับธนาคารดอยซ์แบงก์และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เดตอร์ ภายใต้การค้ำประกันวงเงินสินเชื่อจาก Bpifrance Assurance Export วงเงิน 184 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นเงินกู้ระยะยาวนาน 14 ปี อัตราดอกเบี้ยต่ำตามอายุดาวเทียม ทั้งนี้ บริษัทจะใช้เงินกู้ 80% ของงบลงทุน 1.4 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลือ 20% จะมาจากกระแสเงินสด
สำหรับดาวเทียมไทยคม 10 บริษัทได้เซ็นสัญญากับ Eutelsat เช่าช่องสัญญาณ 50% ของความจุ 100 GHz ตลอดอายุดาวเทียม ซึ่งช่วยให้รายได้ถึงจุดคุ้มทุน โดยโครงการ USO เฟส 3 จะเพิ่มพื้นที่ได้เป็น 60% และจากนี้ บริษัทจะเพิ่มตลาดในอินเดีย ไทย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ ซึ่งยังมีเวลาอีก 2 ปีที่จะให้พื้นที่ขายไปได้ 75% ก่อนยิงดาวเทียม และคาดว่าหลังจากนั้นอีก 2-3 ปีน่าจะเพิ่มขึ้นมาได้ถึงกว่า 90%
นายปฐมภพ กล่าวว่า ในปี 71 คาดว่ารายได้ของ THCOM จะขึ้นไปทำจุดสูงสุดหลังรับรู้รายได้จากดาวเทียมไทยคม 10 เต็มปี คาดว่าจะมีรายได้โต 3-4 เท่าทะลุ 8 พันล้านบาท ซึ่งจะมาจากดาวเทียมไทยคม 10 เป็นหลักในการสร้างรายได้ในอนาคต
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร THCOM กล่าวว่า ตลาดอินเดีย เป็นตลาดน่าสนใจ โอกาสของธุรกิจดาวเทียมมีมากที่สุดในโลก มากกว่าสหรัฐ ยุโรป แอฟฟริกา จีน เนื่องจากมีประชากรสูงถึง 1.4 พันล้านคน และภูมิประเทศมีความหลากหลาย ทั้งภูเขา ทะเลทราย และบางพื้นที่เข้าถึงลำบาก โดยเฉพาะพื้นที่ชายขอบที่สายไฟเบอร์ยังไปไม่ถึง ขณะที่ THCOM ได้ทำตลาดในอินเดียมานาน 20 ปีแล้ว โดยมีบริษัท ipstar (india) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ THCOM ที่มีใบอนุญาตให้บริการอยู่แล้ว ลูกค้าหลักคือ BSNL เป็นธุรกิจเทเลคอมและเป็นรัฐวิสาหกิจอินเดียที่ใหญ่สุด
และในปีนี้บริษัทได้ขยายตลาดไปยังลูกค้าภาคเอกชน โดย THCOM ได้จับมือกับ Hughes Communications India ซึ่งเป็นการร่วมทุนของบริษัทเอกชนระหว่างสหรัฐกับอินเดีย เป็นผู้ให้บริการกับลูกค้าเอกชนในอินเดีย อาทิ แบงก์ รวมถึงจะให้บริการ wifi กับสายการบินอินเดียด้วย โดย Hughes จะเช่าช่องสัญญาณดาวเทียมไทยคม ทั้งนี้ ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้จากอินเดีย 10-15% แต่ในอนาคตจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ส่วนธุรกิจ Space Economy ที่มีมูลค่าตลาดมากถึง 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ และเติบโตปีละ 9% ถือเป็นอุตสาหกรรมใหม่ซึ่ง THCOM ได้ดำเนินการธุรกิจใหม่นี้ Space Tech จะเป็น Engine ตัวถัดไป โดยแบ่งเป็น 1.ธุรกิจวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียม โดยนำภาพถ่ายดาวเทียมมาวิเคราะห์ เช่น พื้นที่นาข้าว พื้นที่ปลูกอ้อยตรวจพื้นที่เผาไร่อ้อย เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และ กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นลูกค้า ในพื้นที่นำร่อง คาดจะมีจำนวนให้บริการมากขึ้น รวมไปถึงการประเมินคาร์บอนเครดิต
2. ธุรกิจดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO) ที่ทำร่วมกับ Globalstar ล่าสุดกำลังอัพเกรดระบบให้เป็น Two-way Satellite-to-phone service ซึ่งทาง Globalstar ทำสัญญากับ Apple ที่ต่อไปจะสามารถส่ง SMS และ SOS ในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณได้ และ 3.ธุรกิจดาวเทียมที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ซึ่งกองทัพให้ความสนใจเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ THCOM วางแผนในอีก 4-5 ปี คาดว่ารายได้จาก Space Tech เพิ่มขึ้นมาเป็น 30% จากปัจจุบันสัดส่วนยังไม่ถึง 10%