นายวิศิษฐ์ ชื่นรัตนกุล ผู้จัดการกองทุนอาวุโส กองทุนตราสารหนี้ บลจ.ธนชาต เปิดเผยว่า บริษัทเออกกองทุนเปิดธนชาต Fixed Income 7(TFixedIncome7) ระยะเวลาลงทุนประมาณ 6 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 3.2% ต่อปี เสนอขายครั้งเดียววันที่ 26-30 ม.ค 55 เนื่องจากเห็นโอกาสที่ผู้ลงทุนจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในระหว่างที่อัตราดอกเบี้ยยังมีแนวโน้มที่จะไม่เพิ่มขึ้น
กองทุนดังกล่าวตั้งเป้าลงทุนในเงินฝากสกุลเงิน Arab Emirates Dirham ธนาคาร Union National Bank / ธนาคาร First Gulf Bank ประมาณ 22% ลงทุนในเงินฝากสกุลเงินหยวน ธนาคาร Bank of China ประมาณ 22% ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ธนาคาร ICBC (Asia) / ธนาคาร Shinhan Bank ประมาณ 20%
ลงทุนในตั๋วแลกเงิน บมจ.เอเชี่ยนพร็อพเพอร์ตี้ / บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ / บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ประมาณ 18% ลงทุนในตั๋วแลกเงิน บจ.น้ำตาลมิตรผล / บจ.โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) / บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) ประมาณ 17.90%และลงทุนในเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศประมาณ 0.10% ผลตอบแทนรวมของตราสารประมาณ 3.5139% ต่อปี โดยมีประมาณการค่าใช้จ่ายกองทุนประมาณ 0.3139% ต่อปี
จากประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยของไทยในช่วงครึ่งปีแรกพบว่ายังไม่มีแนวโน้มจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจัยสำคัญ 3 ประการ คือ 1.อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยยังจำเป็นต้องอยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกระยะเพื่อให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังภาวะน้ำท่วมไม่สะดุดลงและยังช่วยลดแรงกดดันไม่ให้เงินบาทแข็งค่าเร็วเกินไป
2.อัตราดอกเบี้ยสำคัญๆ ของโลกยังมีโอกาสที่จะอ่อนตัวลง โดยเฉพาะดอกเบี้ยของประเทศในแถบเอเชีย หลังจากที่เราเห็นสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจชัดเจนขึ้น จึงยังไม่มีแรงกดดันจากต่างประเทศมากดดันให้ดอกเบี้ยไทยต้องปรับเพิ่มขึ้น
และ 3.เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงในปีนี้จากปัญหาหนี้ในยุโรปและการรัดเข็มขัดของทางการจีน และข้อจำกัดในการเบิกจ่ายงบประมาณในประเทศ ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทย การใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำก็จะเข้ามาช่วยดูแลความเสี่ยงดังกล่าวได้