TUF บวก 2.52% กำไร Q4/54 สูงกว่าคาด,โบรกฯมองพื้นฐานแกร่งหลังรวม MWB

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 22, 2012 10:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น TUF ราคาวิ่งขึ้น 2.52 % มาอยู่ที่ 71.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 26.54 ล้านบาท เมื่อเวลา 9.57 น. โดยเปิดตลาดที่ 71.25 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 71.25 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 71.25 บาท

บล.กรุงศรีอยุธยา ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่นส์ โปรดักส์(TUF)ปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งขึ้นหลังรวม MWB เข้ามา รวมถึงการขยายตลาดเชิงรุก และการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่มูลค่าเพิ่มสูง จะทำให้ผลการดำเนินงานมีโอกาสโตต่อเนื่องในปี 55-56 ราคาหุ้น ณ ปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ 12.7xP/E ยังถูกกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มอาหารในภูมิภาคที่ 14.7xP/E พร้อมให้มูลค่าพื้นฐานปี 55 ที่ระดับ 77 บาท

ทั้งนี้ TUF รายงานกำไรสุทธิ 4Q54 เท่ากับ 1,523 ล้านบาท (-2%QoQ, +332%YoY) สูงกว่าประมาณการที่ 400 ล้านบาทหรือ 36% การลดลง QoQ เกิดจากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับสูงขึ้น ขณะที่ยังสามารถปรับราคาขายขึ้นตามได้ช้า ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นทำได้เพียง 16.7% ลดจาก 17.3% ใน 3Q54 ขณะที่การเติบโต YoY เกิดจากการรวมงบ MWB เข้ามา (เริ่มรับรู้เต็มไตรมาสเมื่อ 1Q54) ทำให้ยอดขายเติบโต 26%YoY และอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มจาก 11.8% ใน 4Q53 เนื่องจากส่วนผสมผลิตภัณฑ์ MWB ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นดีกว่าของ TUF ส่วนการที่ดีกว่าประมาณการเกิดจากการคืนภาษี 203 ล้านบาท เทียบกับคาดการณ์ภาษีจ่าย 56 ล้านบาท และรายได้อื่นสูงกว่าคาด 62 ล้านบาท หากไม่รวมรายการดังกล่าว จะมีกำไรสูงกว่าประมาณการเพียง 79 ล้านบาท

โดยภาพรวม TUF มีกำไรปี 54 เติบโตกว่า 77% ที่ระดับ 5.07 พันล้านบาท จากการรวมงบ MWB เข้ามา (25% ของรายได้รวม) ตลอดจนถึงการขยายธุรกิจต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดขายเติบโตกว่า 38% และอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นเป็น 16.5% เทียบกับ 13.3% ในปี 53

ด้านบล.ทรีนีตี้ ระบุว่า TUF ตั้งเป้ายอดขาย-กำไรปี 2555 โต 20% มุ่งขยายตลาดใหม่ในยุโรปอย่างเช่น รัสเซีย เยอรมัน และสแกนดิเนเวีย ซึ่งบริษัท เอ็มดับบลิว แบรนด์สจะเป็นผู้ขับเคลื่อนสำหรับตลาดยุโรป ขณะที่ TUF เองจะขยายตลาดเข้าไปยังอัฟริกา และอเมริกาใต้ให้มากขึ้น ส่วนการลดหนี้ยังต้องมีการควบคุมและดำเนินการด้านการเงินอย่างเคร่งครัด และจากผลการดำเนินงานที่ดีในรอบปีที่ผ่านมา ทำให้ ปี 2554 อัตราหนี้สินต่อทุนลดลงอย่างรวดเร็วโดยลงมาอยู่ที่ระดับ 1.47 เท่า จากที่ระดับ 1.61 เท่า ณ สิ้นปี 2553 ทั้งนี้บริษัทมีเป้าหมายที่จะลดหนี้ให้กลับลงมาอยู่ในระดับปกติ 1:1 อีกครั้งภายในปี 2556

เป้าหมายต่อไปของบริษัทคือ การเติบโตที่ระดับ 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2556 จากปัจจุบันยอดขายในรูปของเงินเหรียญสหรัฐฯ เท่ากับ 3,232 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เติบโตขึ้น 43% YoY


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ