บลจ.กรุงไทยออกกองทุนตราสารหนี้ตปท. 1 ปี ,กองทุนตราสารหนี้ในปท. 6 เดือน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday April 2, 2012 13:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 25 ( KTFF25 ) เสนอขายในวันที่ 2 -10 เมษายน 2555 อายุ 12 เดือน มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท

กองทุนดังกล่าว เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในเงินฝากประจำ Abu Dhabi Commercial Bank ( ADCB) ธนาคารพาณิชย์ใหญ่อันดับ 3 ของประเทศสหรัฐอาหรับอามิเรต , เงินฝากประจำ Union National Bank (UNB) ธนาคารพาณิชย์ที่ดำเนินกิจการในสหรัฐอาหรับอามิเรตส์ ถือหุ้นใหญ่โดยองค์กรเพื่อการลงทุนของภาครัฐอาบูดาบี,

เงินฝากประจำ Bank of China(BOC)ซึ่งมีสถานะเป็นธนาคารภาครัฐถือหุ้นใหญ่ โดยหน่วยลงทุนเพื่อการลงทุนของรัฐบาลจีน , MTN ของ ICBC Asia Ltd. (ICBCA) ธนาคารพาณิชย์ที่เปิดดำเนินธุรกิจในฮ่องกง มี ICBC ธนาคารใหญ่อันดับหนึ่งของจีนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้ง 100%, MTN ของ ICIC Bank Ltd.(ICIC)ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำขนาดใหญ่อันดับสองในอินเดีย, MTN ของ Banco do Brasil S.A.(BANBRA) ธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดในบราซิล, MTN ของ Banco itau BBA S.A. (ITAUBBA ) ธนาคารพาณิชย์ในกลุ่ม ltau Unibanco ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินใหญ่เป็นอันดับ 2 ในบราซิล และ MTN ของ Banco Bradesco S.A. (BRADESCO) ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่อันดับ 3 ซึ่งดำเนินธุรกิจครบวงจรในบราซิล โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 4.05% ต่อปี โดยเงินลงทุนในต่างประเทศจะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน

นอกจากนี้ บริษัทยังได้เปิดจำหน่ายรอบใหม่(Roll Over)กองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 6 เดือน คุ้มครองเงินต้น 1 (KTFIX6M1 ) ระหว่างวันที่ 2-5 เมษายน 2555 อายุโครงการ 6 เดือน เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ 82% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากประจำธนาคารพาณิชย์ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.80%ต่อปี

นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า อัตราผลตอบแทนของเงินฝากและตราสารการเงินระยะสั้นของธนาคารพาณิชย์ช่วงที่ผ่านมา ให้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยต่ำกว่า 3.20% ต่อปี (หลังหักภาษี ณ ที่จ่าย) แม้ว่าจะมีการเสนอรูปแบบเงินฝากที่ให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นในรูปขั้นบันได อย่างไรก็ตาม ในส่วนของบริษัทเอกชนในประเทศเริ่มมีการเสนอขายหุ้นกู้ระยะกลางถึงระยะยาวเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีทิศทางค่อนข้างชัดเจนว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไม่ปรับลดลง ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยระยะกลางและยาวมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นในอนาคต

สำหรับภาวะการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ยังได้รับผลกระทบจากกระแสการลงทุนในตราสารของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ทำให้ผลตอบแทนของตราสารมีทิศทางปรับลดลงต่อเนื่อง ขณะที่ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนในช่วง 30.75-30.95 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐฯ แต่เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนและค่าสวอปพรีเมี่ยมจากการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนยังอยู่ในระดับมากกว่า 200 bp ทำให้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในหลายประเทศภายหลังการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนกลับเป็นสกุลเงินบาทยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าการลงทุนในประเทศ ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการลงทุนในช่วงเวลานี้ โดยเฉพาะกองทุน KTFF25


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ