ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 514,200 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday April 30, 2012 17:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (23 — 27 เมษายน 2555) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้มีมีมูลค่ารวม 514,200 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 102,840 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ประมาณ 11% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 84% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 434,186 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 42,829 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 5,535 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8% และ 1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB155A (อายุ 3.1 ปี), LB21DA (อายุ 9.7 ปี) และ LB15DA (อายุ 3.6 ปี) มีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 10,354 ล้านบาท 7,569 ล้านบาท และ 5,582 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือรุ่น CB12515A (อายุ 14 วัน), BOT144A (อายุ 2 ปี) และ CB12N01A (อายุ 182 วัน) มูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 89,999 ล้านบาท 51,712 ล้านบาท และ 37,464 ล้านบาท ตามลำดับ

ทางด้านหุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกนั้น ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) (SCCC136A (A)) มูลค่าการซื้อขาย 1,119 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) (AYCAL12OA (A+)) มูลค่าการซื้อขาย 670 ล้านบาท และหุ้นกู้อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL224B (A+)) มูลค่าการซื้อขาย 502 ล้านบาท

เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield Curve) ปรับตัวอยู่ในกรอบแคบๆ หรือโดยเฉลี่ยแล้วปรับตัวเพิ่มขึ้น / ลดลงในช่วง -1 ถึง +5 Basis Point (100 Basis point มีค่าเท่ากับ 1%) จากแรงขายเพื่อทำกำไรในพันธบัตรรุ่นเดิมที่นักลงทุนถืออยู่ เพื่อรอกลับเข้าซื้อพันธบัตรรุ่น Benchmark ที่เปิดให้มีการประมูลใหม่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (รุ่น LB27DA อายุ 15 ปี) และส่วนหนึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐ (US Treasury) ทางด้านของการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ (2 พฤษภาคม) ตลาดยังคงคาดการณ์ว่าที่ประชุมจะมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 3.00% เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง

ทางด้านของสถานการณ์ในต่างประเทศ ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ประกาศให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0 — 0.25% ต่อไป โดย Fed มีมุมมองต่อเศรษฐกิจของประเทศในเชิงบวกมากขึ้น แต่ก็พร้อมที่จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหากมีความจำเป็น ทางด้านของวิกฤตหนี้สาธารณะในกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) ยังคงเป็นประเด็นที่จับตามองอย่างใกล้ชิดต่อไป หลังจาก S&P ได้ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรระยะยาวของสเปนลง 2 ขั้น จาก A เป็น BBB+ เนื่องจาก เศรษฐกิจของสเปนหดตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งอาจทำให้การปรับโครงสร้างทางการเงินดำเนินไปได้อย่างล่าช้า

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้ไทยต่อเนื่องจากในสัปดาห์ก่อนหน้า โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมามียอด ซื้อสุทธิ 12,978 ล้านบาท และในมูลค่าการซื้อสุทธิทั้งหมดนี้ เป็นการซื้อสุทธิในตราสารระยะยาว (มีอายุคงเหลือมากกว่า 1 ปี) ประมาณ 5,066 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนรายย่อย ที่ถึงแม้ว่าจะมีสัดส่วนของการซื้อขายตราสารหนี้ในตลาดค่อนข้างน้อย แต่ในสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงมียอดซื้อสุทธิประมาณ 1,289 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ