ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนสามารถพยุงตัวกลับขึ้นมาปิดในแดนบวกเป็นวันที่สองติดต่อกันเมื่อคืนนี้ (11 พ.ค.) หลังจากที่ปรับตัวลดลงในช่วงแรกของการซื้อขาย โดยได้ปัจจัยหนุนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐที่ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนเช้าซื้อหุ้นกลุ่ม defensive ซึ่งเป็นหุ้นที่ทนแรงเสียดทานได้ดีในภาวะที่ตลาดมีความผันผวน เช่น กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภค และช่วยชดเชยแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคารและเหมืองแร่
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 31.57 จุด หรือ 0.6% ปิดที่ 5,575.52 จุด
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มแบงก์ถูกแรงขายกดดันหลังจากที่เจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐออกมาเปิดเผยข้อมูลที่จุดกระแสวิตกกังวลภายหลังตลาดปิดทำการเมื่อวันพฤหัสบดี โดยยอมรับว่า ธนาคารขาดทุนอย่างไม่คาดคิดจากการทำธุรกิจเทรดดิ้งเป็นวงเงินทั้งสิ้น 2 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากการเก็งกำไรที่ผิดพลาดในตราสารอนุพันธ์ของ Chief Investment Office ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านบริหารความเสี่ยงของเจพี มอร์แกน
นอกจากนี้ หุ้นธนาคารและบริษัทเหมืองแร่ยังได้รับผลกระทบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรปที่ยังคงยืดเยื้อ รวมถึงแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ภายหลังจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
อย่างไรก็ดี นักลงทุนได้ส่งคำสั่งซื้อเข้าหนุนตลาดที่ร่วงลงในช่วงแรกของการซื้อขาย หลังจากที่รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนพ.ค.พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าราคาเชื้อเพลิงที่ลดลงช่วยฟื้นสถานะการเงินในภาคครัวเรือนและกระตุ้นให้มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น
โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐที่มีการเปิดเผยวานนี้ ขยายตัวสู่ระดับ 77.8 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2551 จากระดับ 76.4 จุดในเดือนเม.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงแตะระดับ 76 โดยประมาณ
หุ้นมาร์ก แอนด์ สเปนเซอร์ บริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของอังกฤษ เป็นแกนนำหุ้นบวก โดยพุ่งขึ้น 3.5% หลังจากแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับเพิ่มอันดับความน่าลงทุนในหุ้น
นอกจากนี้ หุ้นอีกหลายตัวก็ดีดขึ้นหลังจากที่โบรกเกอร์ได้แนะนำให้ซื้อหุ้นเช่นกัน ซึ่งรวมถึงกลุ่มห้างสรรพสินค้า ดีเบนแฮม ที่พุ่งขึ้น 5%
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวขึ้น นำโดยแฮมเมอร์สันที่บวก 3.2% บริติช แลนด์ โค บวก 2.9% และแลนด์ ซิเคียวริตีส์ กรุ๊ป บวก 2.3%
ขณะหุ้นเหมืองร่วงลง นำโดย ยูเรเซียน แนเชอรัล รีซอร์สเซส และเอ็กซ์สตราตาที่ร่วงลง 3.8% และ 3.3% ตามลำดับ นอกจากนี้หุ้นเวดันตาลดลง 2.6% และคาซักมิสลบ 1.6% หลังจากราคาทองแดงปรับตัวลดลง ภายหลังจีนเปิดเผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย.ที่ชะลอตัวลงมาก
ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารนั้น บาร์เคลย์ ร่วง 2.9% หลังเจพีมอร์แกนเผยขาดทุนจากการซื้อขายหลักทรัพย์ถึง 2 พันล้านดอลลาร์