นางสาวยุพาวดี ตู้จินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า บริษัทเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการต่อเนื่องอีก 4 กองทุนในสัปดาห์นี้ ได้แก่ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน บีดี (KFI3MBD) กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน วี (KFF6MV) และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี เอไอ (KFF1YAI) พร้อมด้วยกองทุนตราสารหนี้ไทย คือ กองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ไทย 3 เดือน เออาร์ (KPPTF3MAR) โอกาสรับผลตอบแทนประมาณ 2.70% - 3.25% ต่อปี
สำหรับกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน บีดี ให้โอกาสรับผลตอบแทน 2.90% ต่อปี จะลงทุนในตราสารหนี้ Banco Bradesco ประเทศบราซิล เงินฝาก Commercial Bank of Qatar ประเทศกาตาร์ เงินฝาก Emirates NBD Bank สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และพันธบัตรรัฐบาลไทย
ขณะที่กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน วี และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี เอไอ ซึ่งจะ ลงทุนในตราสารหนี้ Banco Itau BBA S.A. และตราสารหนี้ Banco Bradesco ประเทศบราซิล เงินฝาก Commercial Bank of Qatar ประเทศกาตาร์ เงินฝาก Union National Bank ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และพันธบัตรรัฐบาลไทย ให้โอกาสรับผลตอบแทนที่ 3.10% ต่อปี และ 3.25% ต่อปีตามลำดับ
ผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศของทั้ง 3 กองทุนยังคงน่าสนใจเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ในประเทศที่มีอายุใกล้เคียงกัน อีกทั้งมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไว้แล้วเต็มจำนวน อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำและมุ่งเน้นการลงทุนในประเทศ สามารถเลือกลงทุนกับกองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ไทย 3 เดือน เออาร์ ซึ่งเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทยได้ โดยกองทุนดังกล่าวให้โอกาสรับผลตอบแทนที่ 2.70% ต่อปี
นางสาวยุพาวดี กล่วว่า แม้ว่าผลการประชุม EU Summit เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาจะมีความคืบหน้าในมาตรการแก้ไขปัญหามากขึ้นกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และถือเป็นข่าวดีต่อตลาดหุ้น รวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์ เช่นน้ำมัน และทองคำที่ปรับตัวขึ้น แต่บริษัทยังเห็นว่านโยบายดังกล่าวน่าจะส่งผลดีในช่วงสั้นๆเท่านั้น เนื่องจากยังต้องรอดูผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมในระยะยาว
ในขณะที่การลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศเริ่มเป็นโจทย์ที่ยากขึ้น เนื่องจากเงินลงทุนจากทุกแหล่งต่างมุ่งไปหาผู้ออกตราสารที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุดและให้โอกาสรับผลตอบแทนที่ดีที่สุด ซึ่งความต้องการลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้นนี้เองที่ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนจากตราสารหนี้ในต่างประเทศที่ยังคงมีคุณภาพเริ่มปรับตัวลง และแนวโน้มเช่นนี้อาจเกิดขึ้นไปจนกว่าปัญหาหนี้ยุโรปจะคลี่คลาย