ราคาหุ้น MDX ปรับขึ้น 6.98% หรือบวก 0.30% มาที่ 4.60 บาท เมื่อเวลา 11.51 น. จากราคาเปิด 4.32 บาท ราคาสูงสุดที่ 4.72 บาท และราคาต่ำสุดที่ 4.30 บาท มูลค่าซื้อขาย 153.95 ล้านบาท
เช่นเดียวกับหุ้นในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมที่ปรับตัวขึ้นมาเป็นส่วนใหญ่ AMATA,ROJNA, NNCL
นายพิชญพงศ์ ณ บางช้าง กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็มดีเอ็กซ์(MDX)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ซิตี้ ที่จ.ฉะเชิงเทรา ให้กับลูกค้าญี่ปุ่น จำนวน 100 ไร่ หากเจรจาสำเร็จคาดว่าจะบันทึกเข้ามาในไตรมาส 4/55
ในปีนี้มีลูกค้าญีปุ่น ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจยานยนต์และธุรกิจเกี่ยวเนื่องเข้ามาซื้อทื่ดินในนิคมฯของบริษัทจำนวนมาก รวมถึงลูกค้าญี่ป่นรายใหญ่ที่เพิ่งโอนที่ดิน 200 ล้านบาทในช่วงไตรมาส 2/55 ที่ผ่านมา
ส่วนในไตรมาส 3/55 บริษัทมียอดรอโอนแล้ว 80-100 ไร่ ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าญี่ปุ่น หลังจากครึ่งปีแรกขายที่ดินได้แล้วประมาณ 380 ไร่ ดังนั้น คาดว่าทั้งปี 55 จะมียอดขายที่ดินไม่ต่ำกว่า 400 ไร่
"ไตรมาส 4 ยังไม่แน่ใจว่าจะโอนได้หรือไม่ เพราะกำลังดีลกันอยู่ ก็ไม่มากเท่าไร ระดับ 100 ไร่ ตอนนี้ญี่ปุ่นย้ายฐานมากพอสมควร แม้กระทั่ง SME ของญี่ปุ่น ส่วนใหญ่อยู่ในธุรกิจยายนต์และเกี่ยวเนื่อง และปีนี้ได้ปัจจัยเรื่องน้ำท่วมเข้ามาต่อเนื่องทำให้มีการย้ายฐานผลิตมาในภาคตะวันออกแทน"นายพิชญพงศ์ กล่าวบริษัทคาดว่าในปีนี้รายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายเติบโต 15% มาที่ 1 พันล้านบาท และกำไรสุทธิจะโตกว่าปีก่อน เพราะครึ่งปีแรกบริษัทมีกำไรสุทธิ 364.9 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนทั้งปีที่ทำกำไรสุทธิได้ 144 ล้านบาท
สำหรับธุรกิจไฟฟ้า นายพิชญพงศ์ คาดว่าในเดือน ต.ค.-พ.ย.55 ส่วนต่อขยายโรงไฟฟ้าเทินหินบุน ซึ่งบริษัทถือหุ้นอยู่ 20% มีกำลังการผลิต 290 เมกะวัตต์ จะสามารถจ่ายไฟฟ้าได้ อย่างไรก็ตาม รายได้ส่วนนี้ยังไม่ได้รวมอยู่ในประมาณการ ทั้งนี้คาดว่าส่วนต่อขยายดังกล่าวจะสร้างรายได้ประมาณ 150 ล้านบาท/ปี จากเดิมรับรู้รายได้ประมาณ 150 ล้านบาท ซึ่งมีกำลังการผลิต 210 เมกะวัตต์
ขณะที่โครงการน้ำงึม 3 ที่บริษัทถือหุ้น 27% ขนาดกำลังการผลิต 440 เมกะวัตต์ อาจจะแล้วเสร็จไม่ได้ตามกำหนดเวลาในปี 60 คาดว่าจะล่าช้าไปประมาณ 1 ปี เพราะมีการปรับแผนระหว่างการดำเนินงาน