PRANDA วางงบลงทุน 3 ปี 450 ลบ.ลุยเพิ่มจุดขายขยายตลาดอาเซียนรับ AEC

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 30, 2012 10:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชนัตถ์ สรไกรกิติกูล กรรมการบริหาร และผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายตลาด บมจ.แพรนด้า จิวเวลรี่(PRANDA)เปิดเผยว่า บริษัทตั้งงบลงทุนระยะ 3 ปี(56-58)วงเงิน 450 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาและจุดจำหน่ายสินค้าเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)ในปี 58 โดยเฉพาะในประเทศเวียดนามและอินโดนีเซียที่มองว่ายังมีกำลังซื้อสูง และมีโอกาสขยายตลาดได้อีกมาก วางเป้าหมายเป็น 1 ในผู้นำธุรกิจค้าปลีกเครื่องประดับในอาเซียนภายในปี 58

บริษัทตั้งเป้าเพิ่มจุดจำหน่ายสินค้าในอาเซียนจาก 160 จุด เพิ่มเป็น 250 จุดภายใน 3 ปี โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม ซึ่งจำหน่ายสินค้าแบรนด์ Prima Gold เป็นหลัก โดยยอดขายเติบโตต่อเนื่องตามภาพรวมเศรษฐกิจหลังมีการเปิดห้างสรรพสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีสาขา 4 แห่ง ตั้งเป้าภายใน 3 ปี เพิ่มเป็น 16 สาขา ส่วนในอินโดนีเซียเป็นการจำหน่ายสินค้าแบรนด์ Julia มีจุดจำหน่ายสินค้า 40 จุด จะเพิ่มเป็น 120 จุดภายใน 3 ปี

"ปีที่แล้วในเวียดนาม อินโดนีเซีย และไทย มียอดขายรวม 807 ล้านบาท ตั้งเป้าใน 3 ปี มียอดขายเพิ่มเป็น 1,590 ล้านบาท โดยเฉพาะในเวียดนามและอินโดนีเซีย จะมียอดขายเติบโตเป็นเท่าตัว หลังการเปิดจุดจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น ส่วนในไทยยอดขายเติบโตเฉลี่ยราว 30%...ใน 2 ประเทศ(เวียดนาม-อินโดนีเซีย)มีโอกาสสูง และเราถือเป็น 1 ใน player ในตลาด และการแข่งขันยังไม่สูงมาก"นายชนัตถ์ กล่าว

ทั้งนี้ หลังการขยายตลาดในอาเซียนมากขึ้น ทำให้ใน 3 ปีข้างหน้าสัดส่วนยอดขายจากต่างประเทศจะเปลี่ยนแปลงไป จากปัจจุบันตลาดเอเซียมียอดขาย 35% จะเพิ่มเป็น 50% ตลาดอเมริกา จาก 35% เหลือ 25% และยุโรป จาก 30% เหลือ 25%

ด้านนายดุษิต จงสุทธนามณี กรรมการการเงิน PRANDA กล่าวว่า ในปี 55 กำไรจากการดำเนินงานจะดีกว่าปีก่อนหรือใกล้เคียงปีก่อน โดยอยู่ที่ราว 400-450 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายมีโอกาสเติบโตได้มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 5% หลังจากครึ่งปีแรกยอดขายเติบโตได้ตามเป้าหมายแล้ว และคาดว่าช่วงครึ่งปีหลังอาจจะมีผลกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่เกิน 10 ล้านบาท จากครึ่งปีแรกขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน 17 ล้านบาท

ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้คาดว่าอยู่ที่ 34% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนที่อยู่ 33% เนื่องจากปีก่อนมีการ Close out สต็อคสินค้า และปีนี้บริษัทมีการทำตลาดแบรนด์ของตัวเองมากขึ้น ซึ่งจะมีมาร์จิ้นสูงกว่าแบรนด์ที่ทำร่วมกับคู่ค้าราว 10% และภายใน 3-5 ปี คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มเป็น 36-37% จากการทำแบรนด์ของตัวเองเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

"ปีนี้มองว่าธุรกิจของบริษัทไปได้ดี เพราะราคาทอง เงิน ไม่ผันผวนรุนแรง รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยน...ภายใน 3 ปี บริษัทไม่จำเป็นต้องมีการเพิ่มทุน เพราะกระแสเงินสดยังมี หากจะระดมเงินจะใช้เป็นเงินกู้มากกว่า และตอนนี้ D/E ก็ต่ำแค่ 0.7% และไม่มีหนี้สินที่มีดอกเบี้ยจะมีแต่เจ้าหนี้การค้า" นายดุษิต กล่าว

สำหรับงบลงทุนปีนี้ยังคงเดิมที่ 430 ล้านบาท โดยใช้สร้างอาคารใหม่ 200 ล้านบาท จัดซื้อเครื่องจักรใหม่ทดแทนเครื่องจักรเดิม 80 ล้านบาท และเพื่อขยายตลาดในอินเดีย อินโดนีเซีย และจีน 150 ล้านบาท ส่วนปีหน้าจะไม่มีการลงทุนอื่นๆ นอกเหนือจากการขยายตลาด เพิ่มจุดจำหน่ายสินค้า 150 ล้านบาท/ปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ