ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 444,703 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 5, 2012 17:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (29 ตุลาคม — 2 พฤศจิกายน 2555) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้มีมูลค่ารวม 444,703 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 88,941 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ประมาณ 2% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 78% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 345,961 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 79,226 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 8,558 ล้านบาท หรือคิดเป็น 18% และ 1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB176A (อายุ 4.8 ปี) LB155A (อายุ 2.6 ปี) และ LB21DA (อายุ 9.1 ปี) มีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 17,447 ล้านบาท 9,899 ล้านบาท และ 8,760 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือรุ่น CB12N20A (อายุ 14 วัน) CB12N29C (อายุ 28 วัน) และ CB13131B (อายุ 91 วัน) มูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 47,216 ล้านบาท 37,080 ล้านบาท และ 32,422 ล้านบาท ตามลำดับ

ทางด้านหุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง(ประเทศไทย) จำกัด (รุ่น TLT138A (AAA)) มูลค่าการซื้อขาย 654 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท เอ็มบีเค จำกัด (มหาชน) (MBK137 (A)) มูลค่าการซื้อขาย 445 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) (CPN156A (A+)) มูลค่าการซื้อขาย 439 ล้านบาท

เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield Curve) ปรับตัวลดลงตลอดทั้งเส้น หรือปรับตัวลงลดในช่วงประมาณ -1 ถึง -7 Basis Point (100 Basis point มีค่าเท่ากับ 1%) โดยการปรับตัวลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยในสัปดาห์นี้ ส่วนหนึ่งเป็นการปรับตัวลดลงตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (US Treasury) ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากแรงซื้อของนักลงทุนในตลาด ที่ปรับพอร์ตมาลงทุนในกลุ่มของตราสารระยะกลางถึงระยะยาวมากขึ้น ตามทิศทางของอัตราดอกเบี้ยทั้งในประเทศไทย และในต่างประเทศที่เริ่มมีแนวโน้มว่าจะปรับตัวลดลงตามการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจ นอกจากนี้แล้ว กระแสเงินทุนต่างชาติที่ยังคงไหลเข้าสู่ประเทศในภูมิภาคเอเชียรวมถึงประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ก็มีผลทำให้นักลงทุนในตลาดติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีการส่งสัญญาณ หรือมีแนวโน้มที่จะประกาศใช้มาตรการใดๆ ที่จะมีผลต่อทิศทางดอกเบี้ยในประเทศอีกหรือไม่ ก่อนที่จะมีการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) นัดสุดท้ายของปี 2555 นี้ ในวันที่ 28 พฤศจิกายน ที่จะถึงนี้

ทั้งนี้ ในสัปดาห์นี้นักลงทุนต่างชาติมียอด ซื้อสุทธิ ในตราสารหนี้ทุกประเภทรวมกัน (ทั้งระยะสั้น และระยะยาว) 16,913 ล้านบาท แต่หากพิจารณาเฉพาะการซื้อขายในตราสารหนี้ระยะยาว(อายุคงเหลือมากกว่า 1 ปี) จะพบว่าเป็นการซื้อสุทธิ 1,345 ล้านบาท ทางด้านนักลงทุนรายย่อย (Individual) ที่ถึงแม้จะมีสัดส่วนการซื้อขายในตลาดตราสารหนี้ค่อนข้างน้อย แต่ในสัปดาห์นี้มียอดซื้อสุทธิ 742 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ