สำหรับแผนงานในปีหน้าจะเน้นบริการลูกค้ามากขึ้นเพื่อสร้างความแตกต่าง พร้อมทั้งต่อยอดธุรกิจใน 3 ด้าน คือ ด้าน Corporate, ภาครัฐ และ SMEs-Retail โดยจะขยายผลิตภัณฑ์พ่วงเพื่อให้เน้นการสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมเพิ่ม เนื่องจากปัจจุบันอัตราส่วนดอกเบี้ยสุทธิ(NIM)ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี รวมทั้งมุ่งเป้าหมายลดสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ลงด้วย
"ขณะนี้ Retail ทำกำไรให้ธนาคาร 26%ของรายได้รวม SMEs กว่า 20% จะเร่ง 2 ตัวนี้ขึ้น เพื่อสร้างสมดุลให้พอร์ตสินเชื่อ เป้นการกระจายความเสี่ยง และลด NPL ไปในตัว"นายวรภัค กล่าวกรรมการผู้จัดการใหญ่ KTB ยังระบุว่า ต้องการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ธนาคารกรุงไทย จาก Bank for Government เป็น Government Bank of Choice เพราะธนาคารมีความเข้มแข็ง พร้อมกันนั้น ธนาคาก็พร้อมเป็นเสาหลักให้เศรษฐกิจไทย มีความพร้อมเพื่อรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจให้ได้
"แบรนด์กรุงไทยดีอยู่แล้ว แต่จะเน้นบริการที่ดีขึ้น ดังนั้นถ้าของเราดีอยู่แล้ว แต่คนไม่รู้จักก็นะรีแบรนด์ใหม่" นายวรภัค กล่าวสำหรับแนวโน้มผลดำเนินงานในปีนี้นั้น กำไรในไตรมาส 3/55 มากกว่าปี 54 ทั้งปี ดังนั้นในไตรมาส 4/55 เดาได้ว่ากำไรจะดีขึ้น ยกเว้นกรณีต้องมีการตั้งสำรองพิเศษ ขณะที่ธนาคารยังไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนอีกเพื่อรองรับ Basel III
"เมื่อเช้าคุณกิตติรัตน์ก็โทรมา และได้คุยกับคุณอภิศักดิ์เรื่อยๆ ก็ให้คำแนะนำ ปรึกษา"นายวรภัค กล่าว