อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการลงทุนตลอดทั้งปี 56 มองว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เพราะมองว่าตัว Domestic ของประเทศเข็งแรงอยู่แล้ว แต่การที่ดัชนีปรับตัวขึ้นเยอะๆ โดยมีปัจจัยภายนอกมาสนับสนุน มองว่าจะส่งผลให้ตลาดมีความผันผวนมากขึ้น แต่ถ้าหากดัชนีปรับตัวสูงขึ้นโดยปัจจัยภายในประเทศ จะเป็นการปรับตัวขึ้นไปเรื่อยๆ จะทำให้ความผันผวนนั้นไม่สูงมากนัก
นายปริญทร์ แนะนำว่า การลงทุนในระยะนี้ควรจะเน้นหุ้นที่มีความปลอดภัย โดยควรจะให้น้ำหนักหุ้นกลุ่ม Big Cap เพราะก่อนหน้านี้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาดฯ และหุ้นในกลุ่มอื่น ๆ เช่น กลุ่มพลังงาน ส่วนหุ้นที่ควรหลีกเลี่ยงเข้าลงทุนในช่วงที่ดัชนีผันผวน คือหุ้นเก็งกำไร ซึ่งพื้นฐานของตัวหุ้นเองไม่ได้ดีเท่ากับหุ้นอื่นๆในตลาด เป็นหุ้นที่จะมีความเสี่ยงสูง เพราะหุ้นในกลุ่มนี้จะเป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการปรับขึ้นของตลาดเท่านั้น
นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธการลงทุน บล.ธนชาต กล่าวว่า ผลการเจรจาแก้ปัญหา Fiscal Cliff จะส่งผลกระทบที่ดีต่อตลาดหุ้นไปได้อีกไม่นานนัก เพราะตลาดตอบรับในความคาดหวังเชิงบวกไปแล้วตั้งแต่ก่อนหน้านี้ และเมื่อมีความชัดเจนออกมา ซึ่งก็เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เพียงแต่ในขณะนี้คงยังไม่มีเหตุผลที่จะขายหุ้นออกมา แต่หลังจากนี้คงจะเคลื่อนไหวตาม fundamental ของนักลงทุนเอง
คำแนะนำต่อการลงทุนในระยะนี้ ควรที่จะรอเข้าซื้อในจังหวะที่เหมาะสม เนื่องจากดัชนีปรับตัวขึ้นเร็วเกินไป ซึ่งจะทำให้ช่วงนี้ตลาดมีความผันผวนมาก โดยมองว่า SET Index อยู่ในจุดที่ overbought แล้ว เพราะฉะนั้นจะมีโอกาสที่จะพักฐานได้ตลอดเวลา และกองทุน LTF ก็น่าจะมีแรงขายเข้ามาบ้างในช่วงต้นปี
"หุ้นที่ปลอดภัยตอนนี้ไม่มี เพราะถ้าหาก SET ลงแล้วจะมีหุ้นตัวไหนสวนกระแสไม่ลงเลยก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่มองว่าควรเป็นการเลือกเล่นมากกว่า แต่หากตลาดไปไม่ไหวก็ควรจะมีการปรับพอร์ตการลงทุน โดยมีหุ้นที่แนะนำคือ BTS, CPF, INTUCH ADVANC,THCOM,TUF มองว่าหุ้นเหล่านี้น่าจะมีความเข็งแรงกว่าตลาด"นายอดิศักดิ์ กล่าว