ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 13,391.36 จุด ลดลง 21.19 จุด หรือ 0.16% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 3,100.57 จุด ลดลง 11.70 จุด หรือ 0.38% และดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,459.37 จุด ลดลง 3.05 จุด หรือ 0.21%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดอ่อนแรงลงเนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่ากฎหมายงบประมาณฉลับใหม่ไม่เพียงพอที่จะรับมือกับภาวะขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐ โดยสำนักงานงบประมาณของสภาคองเกรส (CBO) ระบุว่า กฎหมายงบประมาณฉบับนี้จะส่งผลให้รัฐบาลกลางสหรัฐมียอดขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 4 ล้านล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 10 ปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพราะการขยายมาตรการภาษีต่ำสำหรับชาวอเมริกันส่วนใหญ่
ขณะที่มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่า หากฝ่ายนิติบัญญัติไม่สามารถทำให้ยอดขาดดุลลดลงได้ อันดับความน่าเชื่อถือ AAA ของรัฐบาลสหรัฐก็อาจจะเผชิญความเสี่ยง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลด้านแรงงานที่ผันผวนในสหรัฐ โดย ADP Employer Services ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐ เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 215,000 รายในเดือนธ.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 130,000 ราย
ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 ธ.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10,000 ราย สู่ระดับ 372,000 ราย ส่วนจำนวนผู้รับสวัสดิการว่างงานติดต่อกันโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์
ตลาดได้รับปัจจัยลบมากขึ้นเมื่อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมซึ่งระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดบางคนวิตกกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มงบดุลบัญชีของเฟดเป็น 2.9 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ผู้กำหนดนโยบายบางคนคิดว่าควรชะลอหรือหยุดการซื้อสินทรัพย์ก่อนสิ้นปีนี้ ซึ่งการยุตินโยบายดังกล่าวจะลดแรงจูงใจสำหรับนักลงทุนในการซื้อสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงหุ้น
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มรถยนต์ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ พุ่งขึ้น 2% หุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) เพิ่มขึ้น 2.4%
นักลงทุนจับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค.ในวันนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 150,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. และอัตราการว่างงานเดือนธ.ค.จะทรงตัวอยู่ที่ 7.7%