(เพิ่มเติม) MAJOR คาดเปิดโรงหนัง-โบว์ลิ่งในกัมพูชาปลายปี 57 เล็งขยายเพิ่มรับ AEC

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 12, 2013 17:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป(MAJOR) กล่าวว่า บริษัทมีแผนขยายธุรกิจไลฟ์สไตล์เอ็นเตอร์เทนเม้นท์สู่ตลาดต่างประเทศ โดยร่วมเป็นพันธมิตรกับทางอิออนมอลล์ ศูนย์การค้าชื่อดังจากญี่ปุ่น เปิดให้บริการโรงภาพยนตร์สุดหรู 5 ดาวแห่งแรกในกัมพูชา ภายใต้แบรนด์ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ประกอบด้วย โรงภาพยนตร์ 7 โรง และโบว์ลิ่ง 14 เลน บนพื้นที่ประมาณ 6 พันตารางเมตร ใช้เงินลงทุนราว 150 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ราวปลายปี 57 ขณะที่ศูนย์การค้าอิออนมอลล์อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างเพื่อเตรียมความพร้อมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการภายในเดือนมิ.ย.57

การดำเนินการขยายธุรกิจโรงภาพยนตร์ในกรุงพนมเปญครั้งนี้เป็นรูปแบบการจัดตั้งโฮล์ดิ้งภายใต้ชื่อ"เมเจอร์ อินเตอร์เนชั่นเนล" ซึ่งร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่น โดยบริษัทฯถือหุ้นมากกว่า 50% ที่เหลือเป็นของพันธมิตร โดยเงินที่ใช้จัดตั้งมาจากกระแสเงินสดของบริษัทฯ

"การเปิดโรงภาพยนตร์เมเจอร์ ซีนีเพล๊กซ์ ที่อิอ อนมมอล์ กรุงพนมเปญในครั้งนี้ เป็นการรุกธุรกิจโรงภาพยนตร์ครั้งแรกของเมเจอร์ในต่างประเทศ ซึ่งเราได้เล็งเห็นศักยภาพของศูนย์การค้าอิออน มอลล์ ประกอบกับทำเลที่ตั้งที่ดีเยี่ยมอยู่ใจกลางกรุงพนมเปญ และปริมาณผู้ชมภาพยนตร์ในประเทศกัมพูชาที่เป็นวัยหนุ่มสาวจำนวนมาก ซึ่งเป็นลูกค้าเป้าหมายหลักของเราในต่างประเทศ และราคาตั๋วในกัมพูชาที่ถูกกว่าในประเทศไทยอยู่ที่ 100-110 บาท ทำให้จะดึงดูดผู้ชมจากในประเทศกัมพูชาเข้บมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก" นายวิชา กล่าว

ส่วนแผนระยะยาวของบริษัทฯตั้งเป้าขยายโรงภาพยนตร์ทั้งในและต่างประเทศให้เป็น 600 โรงภาพยนตร์ภายในปี 58 ซึ่งโรงภาพยนตร์ในประเทศไทยจะมีการเปิดแบรนด์ใหม่เพิ่มอีก 1 แบรนด์ นอกเหนือจากแบรนด์ในเครือปัจจุบัน และขยายโรงภาพยนตร์ในต่างประเทศ โดยเฉพาะในอาเซียนเพื่อรองรับการเปิดประชาคมอาเซียน(AEC) ซึ่งทำเลต่อไปมองไว้ที่เมืองเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา รวมไปถึงพม่า, ลาว, โฮจิมินท์และฮานอย ประเทศเวียดนาม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความคุ้มค่าของการลงทุนและมองหาพันธมิตรที่เข้าไปเปิดศูนย์การค้า

นายวิชา กล่าวว่า ในปี 56 บริษัทฯตั้งเป้ารายได้เติบโต 15-20% จากปี 55 เนื่องจากมีแผนการขยายโรงภาพยนตร์เพิ่มกว่า 100 โรง โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีโรงภาพยนตร์มากกว่า 500 โรง จากปัจจุบันมีอยู่ 410 โรง โดย 400 โรงจะเป็นระบบดิจิตอลตั้งอยู่ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด อีกทั้งยังเพิ่มเลนโบว์ลิ่งในประเทศอย่างน้อยอีก 40 เลน และขยายเลนโบว์ลิ่งในอินเดียเพิ่มเป็น 200 เลน จากปัจจุบันอยู่ที่ 74 เลน โดยจะใช้เงินลงทุนทั้งหมด 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 150-200 ล้านบาทสำหรับการลงทุนในอินเดีย

นอกจากนั้น การที่รายได้ของบริษัทเติบโตขึ้นในปีนี้มาจากการที่บริษัทฯมีภาพยนตร์ในเครือที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ลูกค้า ซึ่งภาพยนตร์ดีๆจะออกมาในช่วงไตรมาส 2/56 และไตรมาส 3/56 ซึ่งบริษัทฯมีเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของภาพยนตร์ไทยกลับคืนเป็น 45% จากปี 55 ภาพยนตร์ไทยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 35% และจะมาจากยอดจำหน่ายตั๋วภาพยนตร์ไทยของโรงภาพยนตร์ต่างจังหวัดที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นกว่าภาพยนตร์ต่างชาติ

ด้านภาพรวมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประเทศ นายวิชา กล่าวว่า น่าจะเติบโตประมาณ 15-20% จากการที่ธุรกิจโรงภาพยนตร์ในประเทศมีการขยายจำนวนโรงภาพยนตร์มาก และมีปริมาณของภาพยนตร์ทั้งในและต่างประเทศเข้ามาฉายมากขึ้น อีกทั้งตลาดต่างจังหวัดยังมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นมากกว่าในกรุงเทพฯตามการขยายห้างสรรพสินค้าและดิสเคาน์สโตร์ต่างๆในต่างจังหวัด

ส่วนราคาตั๋วชมภาพยนตร์ปี 56 คาดว่าส่วนใหญ่ยังไม่มีการขึ้นราคา โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 145 บาท/ที่นั่ง แต่อาจจะมีการปรับขึ้นราคาเฉพาะบางโรงภาพยนตร์ที่มีการเพิ่มค่าเช่าพื้นที่


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ