(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นรีบาวน์หลังร่วงแรง, ติดตามผลเลือกตั้งในอิตาลี

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 22, 2013 09:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธการลงทุน บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดไทยหุ้นเช้านี้มองว่าน่าจะรีบาวน์ได้ แต่อาจจะไม่ได้ขึ้นไปแรงมากหลังจากที่วานนี้ดัชนีปรับตัวลงไปแรง

เนื่องจากสัปดาห์นี้จะเป็นช่วงวันหยุดระยะยาว มองว่านักลงทุนติดตามผลการเลือกตั้งทั่วไปของประเทศอิตาลีที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 และ 25 ก.พ.โดยหากนายมาริโอ มอนติ ได้ มองว่าจะเป็นผลบวกต่อตลาดมากกว่า และรอดูการเจรจาเรื่องการตัดการใช้จ่ายของสหรัฐ ในสัปดาห์หน้าที่น่าจะมีความชัดเจนในทั้งสองเรื่องนี้ออกมา

พร้อมทั้งให้แนวรับที่ 1,520-1,525 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,535 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(21 ก.พ.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 13,880.62 จุด ลดลง 46.92 จุด(-0.34%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,502.42 จุด ลดลง 9.53 จุด(-0.63%)และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,131.49 จุด ลดลง 32.92 จุด(-1.04%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 70.38 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 66.35 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 9.58 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 7.88 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 1.34 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.24 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ ลดลง 2.80 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(21 ก.พ.)1,528.74 จุด ลดลง 17.90 จุด(-1.16%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 709.01 ล้านบาท เมื่อ 21 ก.พ.56
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(21 ก.พ.)ที่ 92.84ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 2.38 ดอลลลาร์(-2.50%)
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(21 ก.พ.)ที่ 11.5 เหรียญฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิดตลาดเช้าที่ระดับ 29.83/85 ปรับตัวแข็งค่า คาดวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบแคบ
  • ส่งออกยานยนต์ไทยพุ่ง คาดดันยอดผลิตเติบโต 30% ภายในปี 58 สำนักข่าวต่างประเทศระบุยอดผลิตโตโยต้าไทยแซงจีน ขึ้นอันดับ 3 ของโลก ขณะกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ เผยเดือน ม.ค.ส่งออกขยายตัว 61% ธุรกิจขนส่งรับประโยชน์ เอ็นวายเค เพิ่มเรือครบ 130 ลำ
  • นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ธปท.กำลังติดตามการเพิ่มขึ้นของราคาสินทรัพย์อยู่ ทั้งการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของราคาหุ้นและดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯโดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาหุ้นขนาดกลางขนาดเล็กที่ราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติไม่ได้เข้ามาลงทุน แต่เป็นการเล่นหุ้นส่วนใหญ่ของคนไทยในประเทศ
  • "วรพล โสคติยานุรักษ์" เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับตลาดทุนเห็นชอบการแก้ไขเกณฑ์โฆษณาและส่งเสริมการขายสำหรับผู้ประกอบธุรกิจทุกประเภทในตลาดทุนให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
  • ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมไทยเดือน ม.ค. 2556 ปรับตัวลดลงเหลือ 97.3 จาก 98.8 ในเดือน ธ.ค. 2555 ปัจจัยหลักมาจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากการขึ้นค่าแรง 300 บาท/วัน ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อราคาวัตถุดิบและค่าขนส่ง ขณะที่ราคาพลังงานและเงินบาทแข็งค่า ทำให้ผู้ประกอบการกังวลเพิ่มขึ้น
  • ตลาดหุ้น-ราคาทอง กอดคอกันดิ่ง ผวาเฟด ยุติคิวอี และหยุดโครงการซื้อพันธบัตร โดยหุ้นไทยวานนี้ดัชนีลดลง 17.90 จุด คาดวันนี้หุ้นดิ่งต่อ ด้านนายกสมาคมค้าทองคำมองราคาทองมีสิทธิร่วงไป 2.1 หมื่นบาท หลังราคาทองในตลาดโลกอ่อนตัวลงแรง เหตุเฟดส่งสัญญาณยุติซื้อพันธบัตร แต่มองแนวโน้มขยับไปแตะนิวไฮเดิม ด้านเอ็มทีเอส ลดเป้าหมายราคาทองคำปีนี้เหลือ 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเดิม 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์
  • "บลจ.อมันดิ" ชูหุ้นอาเซียนน่าสนใจเศรษฐกิจ แนวโน้มเติบโตดี ราคายังไม่แพง ให้น้ำหนัก "ไทย-ฟิลิปปินส์-อินโดนีเซีย" ด้าน"บลจ.กรุงศรี" ปลื้มกอง "KF-ASEAN" โชว์ผลงานได้ดีหลังเจอวิกฤติฟองสบู่เวียดนามแตก แนะเป็นโอกาสดีกระจายการลงทุนไปตลาดอาเซียน ส่วนทองคำมองปีนี้ ไม่น่าสนใจเท่าหุ้น มองกรอบการเคลื่อนไหว 1,550 - 1,700 ดอลล์
  • ตลาดหลักทรัพย์ฯปี 55 กำไรสุทธิ1.36 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากปี 54 ที่ 1.11 พันล้านบาทจากมีรายได้การดำเนินงานมากขึ้นเป็น 3.3 พันล้านบาท เหตุวอลุ่มเทรด-กำไรเงินลงทุนมากขึ้น ด้านเงินกองทุนเพิ่มเป็น 19,484 ล้านบาท

*หุ้นเด่นวันนี้

  • CPALL(ทรีนีตี้)เช้านี้คาดจะมีบิ๊กล็อต CPALL 200 ล้านหุ้น (ราคาพาร์ 1 บาท) คิดเป็น 2% ของทุนชำระแล้ว ที่ราคาระหว่าง 47-48 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 9.4-9.6 พันล้านบาท โดยเป็นการขายผ่าน บล. ยูบีเอส ทั้งนี้ราคาขายต่ำกว่าราคาปิดวานนี้ที่ 49.75 บาท คิดเป็นส่วนลดราว 3.7-6.0% ซึ่งแม้ว่าจะส่งผลเชิงลบทางจิตวิทยาต่อการลงทุนในวันนี้ แต่ไม่ได้กระทบต่อพื้นฐานที่มีศักยภาพเติบโตดีต่อเนื่อง จึงถือเป็นโอกาส"ทยอยซื้อสะสม"ยังคงเป้าปี 56 ที่ 56 บาท
  • STEC (เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 34.80 บาท บริษัทคาดหมายโอกาสรับงานในปี 2556 ไว้สูงถึง 1 แสนล้านบาท (คาดว่าจะได้จริง 5-6 หมื่นล้านบาท) มาจากงานภาครัฐ เช่นโครงการอาคารรัฐสภา, รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม และชมพู, รถไฟรางคู่ และมอเตอร์เวย์ รวมถึงงานภาคเอกชน เช่นงานโรงไฟฟ้า SPP และงาน Pluto Assembly ขณะที่ในเชิงผลการดำเนินงานเราประเมินว่าบริษัทจะมีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิเฉลี่ย (CAGR) 5 ปี (ปี 2553 — 2557)
  • SVI(เกียรตินาคิน)"ซื้อเก็งกำไร" รายงานกำไรสุทธิในปี 2555 ออกมาที่ 1,246 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิ 1,275 ล้านบาทในปี 2554 ส่งผลให้งบดุลกลับมาแสดงยอดกำไรสะสมที่ 327 ล้านบาท จากขาดทุนสะสม 900 ล้านบาทในปี 2554 ขณะที่แนวโน้มในปี 2556 เราคาดว่า SVI จะมีกำไรปกติ (ไม่รวมเงินประกัน) 659 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71% YoY ส่งผลให้มีความเป็นได้ที่จะปรับประมาณการทั้งกำไรและราคาเหมาะสมขึ้นอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ในเชิงกลยุทธ์ SVI เป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่มีโอกาสจ่ายเงินปันผลปี 2555 ทั้งในรูปของเงินสด และหุ้นปันผล
  • GFPT(ฟินันเซีย ไซรัส)ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น"ซื้อ"เป้า 9 บาท กำไร 4Q12 ฟื้นดีกว่าคาด เป็น 95 ล้านบาท ชดเชยผลขาดทุนตลอด 3 ไตรมาสแรกได้หมด ปัจจุบันราคาไก่เฉลี่ย 1QTD อยู่ที่ 40 บาท/กก. (+9% Q-Q) เราคาดราคาเฉลี่ยปีนี้ 42 บาท/กก. +20% Y-Y ทำให้คาดกำไรปีนี้เพิ่ม 2,183% เป็น 936 ล้านบาท และกลับเข้าสู่ระดับปกติที่ 1,145 ล้านบาทปีหน้า
  • MINT(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"ปรับเป้าขึ้นเป็น 30 บาท จากเดิม 25 บาท กำไรดีกว่าคาด โดยเพิ่ม 102% Q-Q, +151% Y-Y เป็น 1,184 ล้านบาทใน 4Q12 จากรายได้อื่นสูงกว่าคาดและภาษีต่ำกว่าคาด ทำให้กำไรปี 2012 เป็น new high ที่ 3,409 ล้านบาท +18% Y-Y โดยได้ปรับกำไรปีนี้ขึ้นอีก 6% เป็น 3,784 ล้านบาท โต 11%
  • TTA (ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"ลดเป้าเป็น 19 บาทจากเดิม 20 บาท จากผลกระทบของการเพิ่มทุน (5:2 @14 บาท XR ไปแล้วเมื่อ 5 ก.พ.) มองการเพิ่มทุนเป็นบวกเพราะบริษัทสามารถนำเงินไปซื้อเรือที่ปัจจุบันมีราคาถูกเพื่อเพิ่มโอกาสการทำกำไรในอนาคตเมื่อธุรกิจเรือเทกองฟื้นตัว โดยคาด TTA จะยังขาดทุนใน 2Q13 (ม.ค.-มี.ค.2013) ก่อนจะกำไรในครึ่งปีหลัง (เม.ย.-ก.ย.2013) ทำให้คาดว่าทั้งปี 2013 (สิ้นสุด ก.ย.2013) จะมีกำไรเพียง 157 ล้านบาท และโต 210% ในปี 2014 (สิ้นสุด ก.ย. 2014)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ