บลจ.เอเชียพลัส roll over 2 กองทุน ลงทุนตราสารหนี้เอเชีย-ตราสารหนี้ไทย

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 7, 2013 15:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการขายและการตลาด บลจ.เอเชียพลัส เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสสตาร์ฟิกซ์อินคัม (ASP-STAR)ในวันที่ 11 มีนาคม นี้ ลงทุนในตราสารหนี้เอเชียที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากอัตราดอกเบี้ยต่ำทั่วโลกและกระแสเงินทุนไหลเข้าในภูมิภาคเอชีย เปิดขายและรับซื้อคืนปีละ 1 ครั้ง มีนโยบายจ่ายเงินปันผล

ทั้งนี้ กองทุนจะเน้นการลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ A- ขึ้นไป โดยจะกระจายการลงทุนในกลุ่มประเทศเอเชีย และเน้นลงทุนในผู้ออกตราสารจากประเทศเกาหลีใต้มากที่สุด รองมาคือ จีน และมาเลเซีย ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 4 ครั้ง ในอัตราไม่เกินร้อยละ 100 ของกำไรสะสมหรือกำไรสุทธิ และกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามสภาวะตลาดที่เปลี่ยนไป (Dynamic hedging) ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนและสามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศได้

และในวันที่ 13 มีนาคมจะเปิดขายและซื้อคืนรอบ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสแอ็คทีฟตราสารหนี้1 (ASP-ACFIXED1) เน้นลงทุนในตราสารหนี้ไทย อายุประมาณ 3 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 2.90% ต่อปี

ทั้งนี้ ณ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2556* กองทุน ASP-STAR มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 4.99%ต่อปี ขณะที่เกณฑ์มาตรฐาน (US Cash Indices LIBOR Total Return 6 months ปรับด้วย gain/loss ของอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อคำนวณผลตอบแทนเป็นสกุลเงินบาท ณ วันที่คำนวณผลตอบแทน) อยู่ที่ 0.71% ต่อปี และนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2553** กองทุน ASP-STAR สามารถสร้างผลตอบแทนอยู่ที่ 4.46% ต่อปี ขณะที่เกณฑ์มาตรฐาน อยู่ที่ 0.59% ต่อปี

นางสาวฤดี ปติอารยกุล ผู้จัดการกองทุนอาวุโส ฝ่ายการจัดการลงทุน บลจ.แอสเซท พลัส กล่าวว่า โอกาสการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ในภูมิภาคเอเชียยังมีอยู่ต่อเนื่อง เพราะแนวโน้มขนาดของตลาดตราสารหนี้เอเชียยังมีทิศทางการเติบโต แม้ว่าตราสารหนี้ภาคเอกชนในเอเชียจะมีระดับราคาที่ค่อนข้างสูง แต่ยังมีปัจจัยบวกสนับสนุนการเติบโตจากนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำทั่วโลกกระแสเงินลงทุนไหลเข้าในเอเชียในสภาวะการณ์ไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และจากขนาดของตลาดตราสารหนี้เอกชนที่เติบโต กอปรกับระดับราคามีลักษณะกระจายตัว จึงมองว่าจะเป็นโอกาสที่ดีเพื่อเลือกลงทุนในตราสารที่มีแนวโน้มสร้างผลตอบแทนที่ดี

นอกจากนี้ อันดับความน่าเชื่อถือของภูมิภาคเอเชียที่แข็งแกร่งและมีระดับราคาน่าสนใจเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ในภาคตะวันตก จึงคาดว่าจะมีความต้องการในตลาดตราสารหนี้เอเชียสูง ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยที่สามารถเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนจากกำไรในมูลค่าตลาดตราสารหนี้ได้

ในส่วนของทิศทางการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ไทย ในช่วงที่ผ่านมา ตลาดตราสารหนี้ค่อนข้างนิ่งหลังจากที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆเข้ามากระทบตลาด อีกทั้งนักลงทุนยังจับตาดูผลกระทบจากการปรับลดงบประมาณในสหรัฐฯ รวมทั้งสถานการณ์ทางการเมืองในอิตาลี ซึ่งจะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของเงินทุนต่างชาติ

สำหรับปัจจัยภายในประเทศธนาคารแห่งประเทศไทยมีการปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ GDP Growth ปี 2556 จากเดิมที่ 4.9% เป็นไม่น้อยกว่า 5% ส่วนค่าเงินบาทในเดือน ก.พ. แกว่งตัวในกรอบ 29.7-29.9 ดังนั้น บริษัทฯมีมุมมองว่า ทางคณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) อาจมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งต่อไป (3 เม.ย. 56)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ