(เพิ่มเติม) KBS คาดปี 56 กำไรสุทธิลดลง 15-20% จากปีก่อน ตามรายได้-ราคาน้ำตาลหดตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 23, 2013 14:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธาญฐิต เกษมทรัพย์ ผู้อำนวยการผ่ายพัฒนาธุรกิจ บมจ. น้ำตาลครบุรี (KBS) คาดว่า กำไรสุทธิในปี 56 จะลดลงประมาณ 15-20% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 725.6 ล้านบาท เนื่องจากคาดว่ารายได้ในปีนี้จะลดลง 5-10% รับผลกระทบราคาน้ำตาลโลกปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 21.2 เซ็นต์/ปอนด์ จากปีก่อนที่ 24.2 เซ็นต์/ปอนด์ รวมถึงการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนที่ส่งผลกระทบต่อกำไรทางบัญชี

อย่างไรก็ตามมองว่าราคาน้ำตาลในปัจจุบันน่าจะเป็นราคาที่ต่ำสุดแล้ว คงไม่มีการปรับตัวลดลงจากนี้อีก และมองว่าในปี 57 อาจจะมีการปรับตัวขึ้นได้ ซึ่งหากราคาน้ำตาลปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ก็จะส่งผลให้รายได้ และกำไรของบริษัทฯ มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด

ขณะที่มองว่าแนวโน้มไตรมาส 2/56 ปริมาณการส่งออกจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งจะได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย

นายอิสสระ ถวิลเติมทรัพย์ กรรมการบริหาร KBS กล่าวว่า สำหรับฤดูการหีบอ้อยสำหรับปีนี้ได้เสร็จสิ้นหรือปิดหีบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้งสิ้น 2.54 ล้านตัน ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่ทางบริษัทตั้งเอาไว้ ทั้งนี้ ในช่วงปีที่ผ่านมาประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาสภาวะอากาศที่ไม่ดีนัก ทำให้ผลผลิตที่ออกมาไม่ดีเท่าที่ควร แต่กลับได้แรงอานิสงส์จากเกษตรกรที่โรงงาน สนับสนุนให้ปลูกอ้อยเพื่อนำส่งอ้อยป้อนให้โรงงานอย่างสม่ำเสมอ จึงทำให้เราสามารถรักษาระดับผลผลิตได้ตามเป้าหมาย

ทั้งนี้ คาดหมายในเบื้องต้นว่าผลผลิตสำหรับฤดูเปิดหีบ 56/57 จะสามารถทำเป้าหมายได้เท่าปีนี้ที่ 2.5 ล้านตัน แต่ทั้งนี้ภาวะอากาศก็จะเป็นปัจจัยหลักในการเพิ่ม หรือลดของปริมาณอ้อยด้วยเช่นกัน สำหรับราคาน้ำตาลนั้น นายอิสสระ ให้ความเห็นว่า ราคาในระดับนี้น่าจะเป็นราคาที่ใกล้จะต่ำสุดแล้ว แนวโน้มระยะยาวเชื่อว่าราคาจะปรับตัวเข้าหาต้นทุนการผลิตของผู้ผลิตรายใหญ่ อย่างบราซิลที่ 19-21 เซ็นต์ต่อปอนด์

ในส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวลของบริษัท ผลิตไฟฟ้าครบุรี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ KBS ที่ผลิตไฟฟ้าจากกากอ้อย กำลังการผลิต 35 เมกกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 1,638 ล้านบาท เพื่อขายไฟให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นั้น ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ พร้อมเดินหน้าอย่างเต็มกำลังโดยปัจจุบันเครื่องจักรต่างๆ ทยอยเข้าติดตั้งแล้ว คาดว่าจะเดินเครื่องและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ตามแผนงานที่วางไว้ โดยหลังจากสามารถเดินเครื่องได้ตามกำหนดจะเป็นส่วนช่วยผลักดันรายได้และอัตรากำไรสุทธิของบริษัทฯเพิ่มขึ้นด้วย

ขณะเดียวกันบริษัทได้งบลงทุนในปีนี้จำนวน 1.4 พันล้านบาทเพื่อลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าต่อเนื่องจากปีก่อนที่บริษัทได้มีการลงทุนไปแล้ว 200 กว่าล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทฯอยู่ระหว่างการยื่นขออนุมัติการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) ของโรงไฟฟ้า คาดว่าจะสรุปได้ในไตรมาส 3/56 หรืออย่างช้าช่วงต้นไตรมาส 4/56 ทั้งนี้บริษัทฯได้มีการเริ่มก่อส้รางไปแล้วกว่า 25% โดยโรงไฟฟ้าชีวมวลจะเริ่มเดินเครื่องงได้ในเดือน ก.พ.57 และคาดว่าในปี 57 จะมีกำไรจากธุรกิจไฟฟ้าประมาณ 200-250 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ