ทั้งนี้ เบื้องต้นคาดว่าจะทราบผลการศึกษาของที่ปรึกษาทางการเงินภายในต้นเดือน ต.ค.56 เนื่องจากกำหนดระยะเวลาในการศึกษาประมาณ 3 เดือน และหลังจากนั้นบริษัทจะดำเนินการตามกระบวนการของการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพยื คาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์หมวดสถาบันการเงินได้ภายในกลางปี 57
“การนำ บสก.เข้าตลาดหลักทรัพย์ เราก็ได้ลงนามในสัญญาจ้างที่ปรึกษาทางการเงินไปแล้วเมื่อ 4 ก.ค.56 ก็ใช้ระยะเวลาในการให้ที่ปรึกษาทางการเงินศึกษาประมาณ 3 เดือน และประมาณ 4 ต.ค.56 ก็น่าจะทราบผลการศึกษาจากทางที่ปรึกษาทางการเงิน ประเด็นที่เราต้องการทราบก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับประโยชน์ของผู้ถือหุ้น ก็ถ้าต้นเดือน ต.ค.ได้ผลการศึกษาออกมาแล้ว STEP ที่ 2 ก็เป็นการนำบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งใช้ระยะเวลาไม่นานแล้ว คาดว่าหลังจากเดือนตุลาคมก็อีกประมาณ 6 เดือน ก็น่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการ ซึ่งคาดว่าราวๆกลางปี 57 บริษัทก็จดทะเบียนซื้อ-ขายในตลาดหลักทรัพย์ได้แล้ว"นายกฤษณ์ กล่าว
"หมวดที่เราเข้าไปอยู่ก็คงเป็นสถาบันการเงินมากกว่าหมวดอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจาก บสก.ธุรกิจหลักเป็นการซื้อหนี้ NPL จากสถาบันการเงินเข้ามาบริหาร ส่วน NPA เป็นแค่ปลายเหตุที่ได้ของมาขาย และเราก็ไม่ใช่ Developer พัฒนาที่อยู่อาศัยเอง เราทำในรูปแบบซื้อหนี้มาบริหาร"นายกฤษณ์ กล่าว
ปัจจบัน บสก.มีทุนจดทะเบียน 13,675 ล้านบาท จำนวนหุ้น 547 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 25 บาท ซึ่ง บสก.เชื่อว่าการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะสนับสนุนให้มีความยืดหยุ่นในการจัดหาแหล่งเงินทุน ไม่ต้องเป็นภาระต่อภาครัฐ อีกทั้งยังเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อองค์กร และผู้ถือหุ้นต่อไปในอนาคต
สำหรับผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปี 56 บริษัทมีกำไร 2.28 พันล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปีกำไร 3.6 พันล้านบาท การที่กำไรของบริษัทเติบโตได้ดีในครึ่งปีแรกเป็นไปตามรายได้ ซึ่งครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้จากการปรับโครงสร้างหนี้และจำหน่ายสินทรัพย์อยู่ที่ 8.59 พันล้านบาท คิดเป็น 63% ของเป้าหมายรายได้ทั้งปีที่ตั้งไว้ 1.37 หมื่นล้านบาท
ในครึ่งปีแรกบริษัทได้รับซื้อรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) และสินทรัพย์รอการขาย (NPA) จากสถาบันการเงินรวม 1.7 หมื่นล้านบาท และปัจจุบันบสก.มี NPL ที่อยู่ในความดูแลทั้งสิ้น 70,918 ราย คิดเป็นมูลค่า 3.92 แสนล้านบาท ขณะที่ NPA มีจำนวน 11,804 รายการ คิดเป็นมูลค่า 3.7 หมื่นล้านบาท
นายกฤษณ์ กล่าวว่า ในครึ่งปีหลัง บสก.มีแผนรับซื้อ NPL จากสถาบันการเงินเพิ่มเข้ามาอีกราว 2-3 พันล้านบาท โดยหนึ่งในนั้นเป็นการซื้อทรัพย์ NPL ของธนาคารธนชาต จำนวนกว่า 200 ล้านบาท และยังมีการซื้อ NPL จากสถาบันการเงินอีก 2 แห่งเข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ โดยคาดว่าสิ้นปี 56 บสก.จะมีขนาดสินทรัพย์ NPL และ NPA เพิ่มเข้ามาราว 2 หมื่นล้านบาท
แผนการตลาดในครึ่งปีหลัง บสก.จะเน้นการเร่งระบาย NPA โดยการจัดงาน BAM NPA Grand Sale ทั่วประเทศ ในช่วงวันที่ 20-26 ส.ค.56 โดยกระจายการจัดกิจกรรมออกบูธตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่างๆ ทั่วประเทศ 24 จังหวัด ส่วนในกทม.ระหว่างวัรที่ 22-25 ส.ค.จะมีการออกบูธที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยได้คัดทรัพย์เด่นทำเลดีไปจำหน่ายทั้งสิ้น 322 รายการ คิดเป็นมูลค่า 3.82 พันล้านบาท เน้นทรัพย์ราคาพิเศษประเภทบ้านเดี่ยวและที่ดินเปล่า
นอกจากนี้ในช่วงเดือน ต.ค.56 ยังได้ตรียมการจัดประมูลทรัพย์เพื่อการลงทุน เน้นการขายเฉพาะกลุ่ม จำนวน 20 รายการ มูลค่า 1.5 พันล้านบาท ภายหลังจากที่ได้จัดการประมูลไปแล้ว 2 ครั้งในช่วงเดือน มี.ค.และเดือน มิ.ย.56