อมตะ บี.กริมฯ ตั้งเป้าปี 73 มีกำลังผลิตไฟฟ้า 7,000 MW, ยื่นทำโซลาร์รูฟ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 25, 2013 16:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนพเดช กรรณสูต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน กลุ่มอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทตั้งเป้ามีกำลังการผลิตไฟฟ้าในปี 62 กำลังการผลิตรวม 2,000 เมกะวัตต์ จาก 16 โรงไฟฟ้า และในปี 73 จะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 7,000 เมกะวัตต์ จากจำนวนโรงไฟฟ้าขนาดเล็กประมาณ 70 แห่ง

ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทฯมีโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการแล้ว 5 โรงอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี 3 โรง ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง 1 โรง และที่ประเทศเวียดนาม 1 โรง มีกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 613 เมกะวัตต์ ซึ่งภายในสิ้นปี 56 จะเพิ่มเป็นทั้งหมด 6 โรง กำลังการผลิตรวม 733 เมกะวัตต์ จากโรงงานไฟฟ้าอีก 1 โรงในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง ที่จะสร้างเสร็จภายในปีนี้

นายนพเดช กล่าวว่า บริษัทจะใช้เงินลงทุนทั้งหมดราว 7 หมื่นล้านบาทภายในปี 62 ซึ่งปัจจุบันระดมทุนไปแล้ว 2 หมื่นล้านบาท และยังมีความจำเป็นต้องจัดหาทุนอีก 5 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าจะระดมทุนผ่านตลาดทุนราว 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งอาจนำบริษัท อมตะ บี.กริม. เพาเวอร์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือขายสินทรัพย์เข้ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ABPIF) เพิ่มเติม หรืออาจจะจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานใหม่อีกกอง ส่วนที่เหลืออีก 4 หมื่นล้านบาท กลุ่มบริษัทจะขอกู้จากสถาบันการเงิน

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะเข้าลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ นอกจากที่ได้ลงนามสร้างโรงไฟฟ้า 16 แห่งแล้ว โดยส่วนใหญ่เน้นสร้างภายในนิคมอุตสาหกรรมที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าและไอน้ำจำนวนมากในต่างประเทศ รวมทั้งอาจจะสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 1 แห่งในเวียดนาม จากปัจจุบันมีอยู่แล้ว 1 โรง ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเบียนหัว กำลังการผลิต 13 เมกะวัตต์

นายนพเดช กล่าวว่า บริษัทยังได้มองการลงทุนพลังงานรูปแบบอื่น ได้แก่ โรงไฟฟ้าถ่านหิน พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น โดยล่าสุดบริษัทได้ยื่นประมูล Solar Rooftop โดยจะทำบนพื้นที่ 1,400 ตารางเมตรในโรงงานอุตสาหกรรมของกลุ่มบี.กริม ตั้งอยุ่ที่ ถ.กรุงเทพกรีฑา ในกทม.

นายนพเดช คาดว่า รายได้ของกลุ่มอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ ในปีนี้จะเติบโตเป็น 1.45 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 4.8 พันล้านบาท และมีกำไรก่อนภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 2.04 พันล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 1.35 พันล้านบาท

ทั้งนี้ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ABPIF)จะเปิดซื้อขายหน่วยลงทุนวันแรกผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (First Day Trade) ในวันที่ 27 ก.ย.ราคาจองซื้อ 10.50 บาทต่อหน่วย ขนาดกองทุน 6,300 ล้านบาท โดยกองทุน ABPIF จะลงทุนในสิทธิในการรับผลประโยชน์จากการประกอบกิจการไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าอมตะบี.กริม เพาเวอร์ 1 และ 2 อายุการลงทุนประมาณ 9 ปีเศษ ซึ่งโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่งมีสัญญาระยะยาวในการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนครจำนวนมาก

ด้านนายสุรเดช เกียรติธนากร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการจำหน่ายหน่วยลงทุน กองทุน ABPIF กล่าวว่า กองทุน ABPIF เป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจในภาวะที่ตลาดทุนมีความผันผวนและดอกเบี้ยตราสารหนี้อยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากผลประกอบการธุรกิจโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่งมีสัญญาระยะยาวในการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าภาครัฐและเอกชนอย่างชัดเจน จึงเป็นกองทุนที่มีความมั่นคงด้านผลการดำเนินงานค่อนข้างสูง

ขณะเดียวกันเมื่อคำนวณเปรียบเทียบผลตอบแทน พบว่าในปีแรกกองทุนดังกล่าวจะให้เงินปันผลจากการลงทุนประมาณ 7.55% และบุคคลธรรมดา ได้รับยกเว้นภาษีหัก ณ ที่จ่าย ในขณะที่ดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุใกล้เคียงกัน (Duration) จะให้ผลตอบแทนก่อนการเสียภาษีอยู่ที่ประมาณ 3.7% และไม่ได้รับการยกเว้นภาษีหัก ณ ที่จ่าย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ