ธ.ธนชาต วางกลยุทธ์ครึ่งปีหลังเน้นกระจายพอร์ตสินเชื่อ พร้อมรักษาผู้นำเช่าซื้อรถยนต์

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 14, 2013 11:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต เปิดเผยว่า ธนาคารยังมีความมั่นใจว่าช่วงครึ่งปีหลังธุรกิจจะยังเติบโตได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะการปล่อยสินเชื่อที่คาดว่าจะมีการเติบโตที่ 8-10% ในปีนี้

ทั้งนี้ ธนาคารจะใช้กลยุทธ์เสริมสร้างความเข็งแกร่งด้วยการเพิ่มสัดส่วนการกระจายสัดส่วนสินเชื่อให้มีความเหมาะสมมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เป็นส่วนใหญ่ โดยจะขยายสินเชื่อธุรกิจสินเชื่อ SME และสินเชื่อเคหะ ให้มีสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้นมากกว่าเดิม พร้อมทั้งจะกระจายสัดส่วนไปยังสินเชื่อบุคคลให้มากขึ้นด้วย มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลตอบแทนสูง เช่น บัตรเครดิต ตลอดจนสินเชื่อบุคคลอื่นๆ แต่ธนาคารก็ยังจะเน้นรักษาความเป็นผู้นำด้านธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ต่อไป โดยจะขยายสินเชื่อรถแลกเงินเพื่อเพิ่มผลตอบแทนรวมให้สูงขึ้น

ทางด้านเงินฝาก ธนาคารจะมุ่งแสวงหาลูกค้าเงินฝากรายใหม่ๆ เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าในการระดมเงินฝากให้เหมาะสม พร้อมทั้งการปรับฐานโครงสร้างเงินฝาก ด้วยการเพิ่มสัดส่วนเงินฝากการะแสรายวันและออกทรัพย์ให้มากขึ้น โดยจะมีการทำการตลาดเงินฝากประเภทนี้อย่างสม่ำเสมอ

ส่วนการปล่อยสินเชื่อในปัจจุบันยังอยู่ในภาวะปกติ ยังไม่ได้เพิ่มความเข้มงวดขึ้น เนื่องจากหลังจากที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจที่ผ่านมา ส่งผลให้ทางธนาคารมีการพัฒนาระบบการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดอย่างระมัดระวังมากขึ้น และมีการปรับมาตรฐานการดูแลลูกค้าให้ดีขึ้น ส่งผลให้ธนาคารยังไม่ได้มีการปรับมาตรการการปล่อยสินเชื่อ

นายสมเจตน์ เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 2/56 ธนาคารมีผลตอบแทนเฉพาะส่วนผู้ถือหุ้น(ROE)ที่ 17% ซึ่งถือว่าสูงเกินไป จากการบันทึกรายได้การขายธุรกิจประกันออกไป แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ทางธนาคารจะมีการดูแล ROE ให้อยู่ในระดับ 12.5% บวก/ลบ

"ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เรามีการขายบริษัทประกันออกไป ทำให้ ROE พุ่งสูงไปกว่า 17% ซึ่งอยู่ในอัตราที่มากเกิน เรามองว่าน่าจะมีการปรับให้มาอยู่ใกล้เคียง 12.5% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่เรามองว่าเหมาะสม" นายสมเจตน์ กล่าว

นายสมเจตน์ กล่าวว่า สำหรับนโยบายในปี 57 ธนาคารจะนำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ในการเสริมฐานให้มั่นคงเพื่อการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นสร้างความเข็งแกร่งจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของธนาคาร ไม่ว่าจะพัฒนาคน พัฒนาเทคโนโลยี และพัฒนากระบวนการ ซึ่งความพร้อมของธนาคารในการตอบสนองความต้องการทางการเงินของลูกค้าในกลุ่มเป้าหมาย

ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 4.4% ซึ่งธนาคารตั้งเป้าที่จะปรับลด 0.5-1% /ปี โดยคาดว่าในปี 57 NPL จะปรับลดลงต่ำกว่าระดับ 4%

"สำหรับ NPL ที่มีอยู่ถือว่ายังอยู่ในภาวะปกติ ธนาคารก็ต้องมีอยู่แล้วไม่แปลก แต่ NPL ของเราอยู่ที่ 4% อาจจะเยอะกว่าระบบ ที่อยู่ประมาณ 2% แต่เราก็จะมีการบริหารจัดการให้ปรับลดลงเรื่อยๆ โดยคาดว่าจะลดลงปีละประมาณ 0.75-1% ต่อปี"นายสมเจตน์ กล่าว

ด้านปัจจัยเกี่ยวกับผลกระทบจากการเพดานหนี้สหรัฐฯ และความไม่แน่นอนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) สหรัฐฯ ที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะชะลอมาตรการเมื่อได กระทบทบกับตลาดเงินตลาดทุนที่ให้เกิดความผันผวนใน 2-3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งทางธนาคารได้มีการแนะนำให้ผู้ประกอบการต่างๆ ควรมีการติดตามสถานการต่างๆอย่างใกล้ชิด และมีการบริหารจัดการความเสี่ยง เพื่อไม่ให้กระทบต่อธุรกิจของบริษัท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ