"เอส พี วี ไอ"เคาะราคา IPO ที่ 0.90 บ./หุ้น ขาย 11-13 ธ.ค.เทรด 19 ธ.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday December 6, 2013 12:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.เอส พี วี ไอ(SPVI) เปิดเผยว่า บริษัทได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) ที่ 0.90 บาท/หุ้น เสนอขายวันที่ 11-13 ธ.ค.และคาดว่าจะนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลบักทรัพย์ได้ในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ โดยมี บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) , บล.โนมูลระ พัฒนสิน และ บล.เอเซียพลัส เป็นผู้ร่วมในการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้

SPVI ประกอบธุรกิจหลักเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้า Apple ทั้งคอมพิวเตอร์ ผลิตภัณฑ์ประเภท iOS และอุปกรณ์เสริมต่างๆ รวมทั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าอื่นๆ เพื่อใช้งานร่วมกับสินค้า Apple

นายสมภพ กล่าวว่า ราคาเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 110 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ที่หุ้นละ 0.90 บาท ถือเป็นราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน โดยมี P/E ratio อยู่ที่ 14.02 เท่า โดยมีส่วนลดประมาณ 49.88 % จาก P/E ratio ของตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอย้อนหลังเฉลี่ยในช่วงเวลา 3 เดือน (1 ก.ย.-30 พ.ย.56) ซึ่งเท่ากับ 27.97 เท่า และมีส่วนลดประมาณ 61.78% จาก P/E ratio เฉลี่ยของบริษัทจดทะเบียนที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจคล้ายคลึงกับ SPVI ในช่วงระยะเวลาย้อนหลัง 3 เดือนเช่นเดียวกันซึ่งเท่ากับ 36.69 เท่า

สำหรับการเมืองในประเทศปัจจุบันที่มีความร้อนแรง มองว่าจะไม่ได้รับผลกระทบต่อราคาหุ้น เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจในปัจจุบนก็ยังถือว่าดีอยู่ ประกอบกับราคาก็ยังถือว่ามีความเหมาะสมกับสถานการณ์

"เรามองว่าการเข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้นในช่วงนี้ก็ยังถือว่าดีและไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากการเมืองที่มีความร้อนแรงอยู่ตอนนี้ เพราะหากดูจากตัวธุรกิจ เศรษฐกิจในปัจจุบันก็ยังถือว่าดีอยู่ และราคาที่เราตั้งขึ้นมานั้นก็ถือว่าเหมาะสมกับสถานการที่เกิดขึนในปัจจุบัน" นายสมภพ กล่าว

ด้านนายไตรสรณ์ วรญาณโกศล กรรมการผู้จัดการ SPVI เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้และกำไรปีนี้จะต่ำกว่าปีก่อน ที่มีรายได้ 2,520 ล้านบาท และกำไรสุทธิที่ 44.85 ล้านบาท โดย 3 ไตรมาสที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้ 1,702 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 10.40 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่มีการชะลอตัวลง และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่ออกมาไม่มากนัก ขณะที่ความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อ sentiment ในการจับจ่ายใช้สอยทำให้กำลังซื้อหดตัวลง

แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าในปี 57 รายได้และกำไรจะพื้นตัวกลับขึ้นมาใกล้เคียงกับปี 55 ตามภาพรวมอุตสาหกรรม IT ที่คาดว่าจะดีอีกครั้ง หลังจากที่โครงการรถยนต์คันแรกหมดลงไปแล้ว และภาวะทางการเมืองที่น่าจะคลี่คลายได้ ขณะที่บริษัทจะบุกตลาดลูกค้าองค์กรมากขึ้น

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้จะใช้ในการขยายสาขาและศูนย์บริการ ใช้ปรับปรุงและพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งและมีอัตราการเติบโตที่ดีในอนาคต โดยปี 57 บริษัทตั้งเป้าเพิ่มจุดขายใน IT City 10 สาขา เพิ่ม iStudio/iBeat จำนวน 2 สาขา เพิ่ม U-Store จำนวน 2 สาขา และเพิ่มศูนย์บริการ Smart Bar 1 สาขา คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 55 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะลงทุนในการปรับปรุงระบบสารสนเทศ ระบบเครือข่าย เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทฯ รวมทั้งเพื่อรองรับกลยุทธ์ทางการตลาด ที่จะทำผ่าน Social Network เพิ่มมากขึ้น โดยตั้งเป้าใช้เงินลงทุน 15 ล้านบาท และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

ปัจจุบัน บริษัทมีสาขาทั้งหมด 17 สาขา โดยแบ่งเป็น iStudio จำนวน 6 สาขา, iShop จำนวน 1 สาขา, iBeat จำนวน 1 สาขา, U-Store จำนวน 9 สาขา และศูนย์บริการ Smart Bar จำนวน 3 สาขา นอกจากนี้ บริษัทยังมีจุดจำหน่ายสินค้า Apple ใน IT City และ Big C จำนวน 57 แห่งทั่วประเทศ ตั้งอยู่ที่ IT City จำนวน 28 สาขา และ Big C จำนวน 26 สาขา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ