นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ธนชาต เปิดเผยว่า ปัญหาทางการเมืองยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยเริ่มหดตัว ทั้งในด้านการใช้จ่ายภายในประเทศและการผลิต ที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและผู้ประกอบการ รวมถึงการท่องเที่ยวที่ปรับตัวลดลง ในส่วนของตลาดหุ้นไทยยังคงเกิดความผันผวนหลังจากทราบผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(FED)ที่ปรับลดวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจลงอีก 1 หมื่นล้านเหรียญฯ ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดกลุ่มประเทศเกิดใหม่รวมถึงไทยด้วย
บลจ.ธนชาต จึงขอนำเสนอกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นที่ลงทุนในประเทศ จำนวน 2 กองทุนเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุน ในช่วงที่สถานการณ์ทางการเมืองยังคงมีความไม่ชัดเจน และเป็นแหล่งพักเงินก่อนที่จะเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่อไป คือ กองทุนเปิดพันธบัตรรัฐคุ้มครองเงินต้น 3M/1 (TGOV3M1) ระยะเวลาลงทุนประมาณ 3 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 2.20% ต่อปี
กองทุนดังกล่าว มีเป้าหมายลงทุนในพันธบัตรภาครัฐ ประมาณ 80.50% ลงทุนในตั๋วแลกเงิน / เงินฝากประจำ ธ.ทิสโก้ / เงินฝากประจำ ธ.ออมสิน ประมาณ 19.50% ส่วนอัตราผลตอบแทนของตราสารที่เข้าไปลงทุนในพันธบัตรภาครัฐ อยู่ที่ประมาณ 2.2300% ต่อปี และตั๋วแลกเงิน / เงินฝากประจำ ธ.ทิสโก้ / เงินฝากประจำ ธ.ออมสิน อยู่ที่ประมาณ 2.9500% โดยประมาณการค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายการลงทุนที่ 0.1705% ต่อปี
ขณะที่กองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 3 เดือน#2 (TFIX-3M#2) ระยะเวลาลงทุนประมาณ 3 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 2.80% ต่อปี มีเป้าหมายลงทุนในตั๋วแลกเงิน / เงินฝากประจำ ธ.อาคารสงเคราะห์ / เงินฝากประจำ ธ.ออมสิน ประมาณ 24.00% ลงทุนตั๋วแลกเงิน /เงินฝากประจำ ธ.ทิสโก้ / ธ.ธนชาต ประมาณ 20.00% ลงทุนในหุ้นกู้ระยะสั้น บมจ.เอเชียเสริมกิจลีสซิ่ง / ตั๋วแลกเงิน บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด ประมาณ 24.00% ตั๋วแลกเงิน บมจ. อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส / บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) ประมาณ 24.00% หุ้นกู้ระยะสั้น บจ.ลิสซิ่งไอซีบีซี (ไทย) / บจ.โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) ประมาณ 7.90% ลงทุนเงินฝากธนาคารพาณิชย์ภายในประเทศ 0.10% โดยประมาณการค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 0.1189%