บลจ.กรุงศรี นำเสนอกองทริกเกอร์ ตั้งเป้ารับผลตอบแทนรวม 6% ภายใน 7 เดือน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 24, 2014 13:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่า บริษัทเปิดขายกองทุนเปิดกรุงศรียุโรปอิควิตี้ 3%พลัส3%ทริกเกอร์ พลัส 1 (KFEU3P3-P1) รองรับความต้องการของนักลงทุน ตั้งเป้าผลตอบแทนโดยรวม 6% ในระยะเวลาประมาณ 7 เดือน โดยรับผลตอบแทนครั้งที่ 1 เมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 3% และรับผลตอบแทนเพิ่มอีก 3% เมื่อกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุน 10.72บาท เสนอขายครั้งเดียวระหว่างวันที่ 25 ก.พ.-4 มี.ค.57

กองทุน KFEU3P3-P1 มีนโยบายเน้นลงทุนในกองทุนหลัก Vanguard FTSE Europe ETF เฉลี่ยรอบบัญชีไม่น้อยกว่า80% ของ NAV ต่อปี และมีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนโดยการตัดสินใจของผู้จัดการกองทุนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหน่วยลงทุน

“กองทุนเปิดกรุงศรียุโรปอิควิตี้ 3%พลัส3%ทริกเกอร์ พลัส 1 เป็นทางเลือกสำหรับกระจายการลงทุนในตราสารทุน เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้ามาลงทุนเพื่อผลตอบแทนตามเป้าหมาย สามารถรับความผันผวนของราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้ ทั้งนี้ การจัดสรรเงินบางส่วนมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยในกองทุน(KFEU3P3-P1) ควบคู่ไปกับหุ้นไทยเป็นการกระจายความเสี่ยงและช่วยเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนได้" นายฉัตรพี กล่าว

ทั้งนี้ บลจ.กรุงศรี เชื่อมั่นว่าการลงทุนในหุ้นกลุ่มประเทศยุโรปมีความน่าสนใจในการลงทุน เนื่องจากเศรษฐกิจยุโรปเข้าสู่วัฏจักรของการเติบโตในปี 2014หลังจากฟื้นตัวในปีที่ผ่านมา ข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศออกมายังดีต่อเนื่อง โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (PMI) ล่าสุดเดือน ม.ค. 2014 อยู่ที่ 53.9 ซึ่งดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 เป็นสัญญาณบ่งชี้การขยายตัว การผลิตภาคอุตสาหกรรมทั่วยูโรโซนปรับตัวดีขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ผู้ประกอบการในยุโรปมีแนวโน้มเพิ่มการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนมากขึ้น บริษัทเอกชนมีแนวโน้มเพิ่มการลงทุนและขยายกิจการรวมไปถึงธุรกรรมการควบรวมที่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มสูงขึ้น

แนวโน้มตลาดหุ้นและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในยุโรปยังดีต่อเนื่องในปี 2557 ตลาดหุ้นยุโรปยังคงไม่แพงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ รวมถึงแนวโน้มกระแสเงินลงทุนทั่วโลกยังคงไหลกลับยุโรปต่อเนื่อง โดยนักลงทุนทั่วโลกเริ่มมีการปรับพอร์ตการลงทุนไปสู่ตลาดหุ้นยุโรปมากขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจาก FED ได้ปรับลด QE ในเดือน พ.ย. 2013

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่สนับสนุนตลาดหุ้นยุโรปจากมาตราการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมีแนวโน้มที่จะลดดอกเบี้ยนโยบายจาก 0.25% สู่ 0.1% และมาตราการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นมาตราการที่มีผลบวกต่อตลาดหุ้นเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าตลาดหุ้นยุโรปจะปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 11% ถึง 13% ในปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ