บลจ.ธนชาต เสนอขายกองทุนตราสารหนี้ในปท.-ตปท.3 กองรวด อายุ 3-6 เดือน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 14, 2014 15:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิศิษฐ์ ชื่นรัตนกุล ผู้จัดการกองทุนอาวุโส กลุ่มตราสารหนี้ บลจ.ธนชาต เปิดเผยว่า บลจ.ธนชาต เสนอขายกองทุนตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ 3 กองรวด “TFI6M54" “TFIX-3M#4" และ “TGOV1" อายุ 3 – 6 เดือน ให้ผลตอบแทนประมาณ 2.05- 3.00% เริ่มเสนอขายตั้งแต่ 17–24 มี.ค.นี้

กองทุนเปิดธนชาต Fixed Income 6M54 (TFI6M54) อายุ 6 เดือน ให้ผลตอบแทนประมาณ 3.00% เริ่มเสนอขายครั้งแรก (IPO) วันที่ 17 – 19 มีนาคม 2557 กองทุนจะเข้าไปลงทุนเงินฝาก Bank of China / China Construction Bank (China) สัดส่วน 22.00% เงินฝาก PT Bank CIMB Niaka Tbk (Indonesia) / PT Bank International Indonesia Tbk สัดส่วน 22.00% หุ้นกู้ระยะสั้นของ บมจ.อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส / ตั๋วแลกเงิน ของ บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ สัดส่วน 20.00% หุ้นกู้ระยะสั้น บจ.โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) / บจ.ลีสซิ่งไอซีบีซี (ไทย) สัดส่วน 20.00% ตั๋วแลกเงิน ของ บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง / หุ้นกู้ระยะสั้นของ บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง สัดส่วน 16.00% โดยประมาณค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 0.0620%

ส่วนกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 3 เดือน#4 (TFIX-3M#4) อายุ 3 เดือน ให้ผลตอบแทนประมาณ 2.50% รับคำสั่งซื้อ - ขาย วันที่ 17 - 19 มีนาคม 2557 กองทุนจะเข้าไปลงทุนในตั๋วแลกเงิน / เงินฝากประจำ ธ.อาคารสงเคราะห์ / เงินฝากประจำ ธ.ออมสิน สัดส่วน 24.00% ตั๋วแลกเงิน / เงินฝากประจำ ธ.ทิสโก้ / ธ.ธนชาต สัดส่วน 20.00% หุ้นกู้ระยะสั้น บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง / ตั๋วแลกเงิน บมจ.ราชธานีลิสซิ่งจำกัด สัดส่วน 24.00% ตั๋วแลกเงิน บมจ.อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส / บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) สัดส่วน 24.00% หุ้นกู้ระยะสั้น บจ.ลีสซิ่งไอซีบีซี (ไทย) / บจ.โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) สัดส่วน 7.90% และเงินฝากธนาคารพาณิชย์ 0.10% โดยประมาณค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.5000%

และกองทุนเปิดธนชาตพันธบัตรรัฐคุ้มครองเงินต้น ๑ (TGOV1) อายุ 6 เดือน ให้ผลตอบแทนประมาณ 2.05% รับคำสั่งซื้อ - ขาย วันที่ 17 - 24 มีนาคม 2557 กองทุนจะเข้าไปลงทุนในพันธบัตรภาครัฐ สัดส่วน 81.00% เงินฝากประจำ / ธ.ทิสโก้ / ธ.ออมสิน สัดส่วน 19.00% โดยประมาณค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 0.1559%

นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า หลังจากการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบาย (กนง.) มีมติที่ประชุมให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 2.25% มาอยู่ที่ 2.00% หลังประเมินเศรษฐกิจไทยในขณะนี้มีความเสี่ยงด้านการขยายตัวมากกว่าความเสี่ยงด้านเสถียรภาพ โดยในครี่งปีแรกภาวะการลงทุน การบริโภค การท่องเที่ยว ชะลอตัวลง ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวต่ำกว่าศักยภาพ จึงเชื่อว่าที่คณะกรรมนโยบายการเงินจะใช้การผ่อนคลายทางการเงินต่อไปอีกในภาวะที่ปัจจัยการเมืองมีความไม่แน่นอนสูง ส่วนครึ่งปีหลัง หากปัญหาภาวะการเมืองคลี่คลาย เศรษฐกิจไทยจะกลับมาขยายตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้จะอยู่ระดับต่ำต่อไปในครึ่งปีหลัง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ