สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 63,016 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 34,258 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 54.4% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ ตั๋วเงินคลัง มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 19,237 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 30.5% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 2,249 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.6% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB196A และ LB236A (รุ่นอายุ 3.2 ปี, 5.2 ปี และ 9.2 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 2,858 ล้านบาท หรือคิดเป็น 74% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL243B) มูลค่า 500.8 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY152B) มูลค่า 370.0 ล้านบาท
3. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT149A) มูลค่า 281.9 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 1,152.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 51.3% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 12,213 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 10,589 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 414 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.05% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.28% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน
Yield Curve ปรับลดลงเล็กน้อย ในตราสารอายุ 10 ปี ประมาณ 2 bps. ปริมาณการซื้อขายเบาบาง นักลงทุนรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยเฉพาะตัวเลข Non-farm payrolls ที่จะประกาศออกมาคืนนี้ สำหรับผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.25% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ด้านนักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 414 ล้านบาท