นายอดิศร มุ่งพาลชล รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่า มองว่าสินเชื่อปีนี้จะยังมีการเติบโตได้ จากที่ทาง KTB ได้เข้าไปเน้นปล่อยสินเชื่อภาคธุรกิจมากขึ้น จากเดิมที่เน้นปล่อยสินเชื่อให้แก่ภาครัฐค่อนข้างมาก แต่อย่างไรก็ตามสินเชื่อภาครัฐฯที่หายไปนั้นจะส่งผลให้การเติบโตของ KTB ปีนี้จะไม่เติบโตมากเท่ากับปีที่ผ่านๆมา ส่วนผลประกอบการไตรมาส 1/57 คาดว่า จะต่ำกว่าทั้ง QoQ และ YoY
ขณะที่ NPL ของ KTB อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับธนาคารขนาดใหญ่อื่นๆ ซึ่งยังต้องติดตามว่าจะต้องมีการตั้งตั้งสำรองพิเศษเพิ่มอีกหรือไม่
ด้านนายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ราคาหุ้น KTB ยังถือว่าไม่แพงมากนัก ประกอบกับ KTB ยังมีเงินปันผลมากที่สุดคือเฉลี่ยแล้วราว 4.8-5%
ทั้งนี้ จากเศรษฐกิจที่มีการชะลอตัว ส่งผลต่อความต้องการสินเชื่ออาจจะมีการชะลอตัวลงไปบ้าง ประกอบกับทำให้ความสามารถในการชำระหนี้น้อยลง จะส่งผลให้แนวโน้ม NPL ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
สำหรับการปล่อยสินเชื่อให้แก่ภาครัฐฯที่ปรับตัวลดลงไป หลังภาครัฐฯไม่มีโครงการใหม่ๆออกมา แต่การผล่อยสินเชื่อภาครัฐฯมีสัดส่วนเพียง 15% ของสินเชื่อเท่านนั้น ในขณะที่ภาคเอกชนมีสัดส่วนถึง 85% ของสินเชื่อ ก็ยังมีการใช้จ่ายแต่อาจจะไม่มากเท่าปีที่ผ่านๆมา
“เรามองว่า KTB ยังมีความน่าสนใจ โดยมีประเด็นหลักๆคือเรื่องของปันผลที่ค่อนข้างมาก รวมถึงทางด้านของราคาเองก็ยังถือว่าไม่สูงมากนัก แต่ปีนี้การเติบโตของ KTB เองคงจะเติบโตได้ไม่เท่ากับปีที่ผ่านๆมา เพราะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ความต้องการสินเชื่อก็ลดลง รวมทั้งโครงการใหม่ๆของภาครัฐฯยังไม่ออกมา"นายธนเดช กล่าว
ด้านนักวิเคราะห์จาก บล.คันทรี่ กรุ๊ป คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/57 จะต่ำกว่า QoQ และ YoY เนื่องจากค่าใช้จ่ายการดำเนินงานที่สูงขึ้นจากค่าใช้จ่ายโบนัสพนักงานเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆและอุปกรณ์ อาคาร สถานที่จะปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อน ส่งผลให้ Cost to income เพิ่มขึ้นเป็น 47.5% อีกทั้งคาดว่าธนาคารจะมีการตั้งสำรองหนี้สูงขึ้นเป็น 3 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ด้านการปล่อยสินเชื่อของ KTB ยังคงทำได้ดีกว่ากลุ่มโดยคาดว่าเพิ่มขึ้นราว 2% QoQ เป็น 1.75 ล้านล้านบาท และสำหรับรายได้ค่าธรรมเนียมบริการสุทธิขยายตัวขึ้นเป็น 4 พันล้านบาท ตามธุรกรรม ธุรกิจนายหน้าประกันภัยผ่านธนาคาร และ กองทุนรวม ที่ยังคงเติบโตได้ดี