"บลจ.เมย์แบงก์ฯ จึงเป็นทางเลือกในการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเสริมความแข็งแกร่ง ด้วยการมีบริษัทแม่อย่างเมย์แบงก์ กรุ๊ป ที่คอยสนับสนุนทุกด้าน เชื่อว่าภายในระยะเวลา 5 ปี มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้บริหารจัดการ จะสามารถเติบโตได้ถึง 20,000 ล้านบาท และก้าวขึ้นเป็น บลจ.ชั้นนำขนาดกลางแน่นอน"นายตรีพล กล่าว
นายตรีพล กล่าวถึงแนวทางการบริหารงานหลังจากเข้ารับตำแหน่ง CEO ว่า จะบริหารงานธุรกิจกองทุนรวมโดยใช้แนวคิด B2P คือ Business People Process ขณะที่นโยบายการออกกองทุน พร้อมวางกลยุทธ์การลงทุนทั้งในและต่างประเทศเต็มสูบ เน้นเป้าหมายการลงทุนที่คำนึงถึงผลตอบแทน 3 รูปแบบ ได้แก่ กองทุนหุ้น กองทุนตราสารหนี้ และกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ซึ่งเป็นทางเลือกของการลงทุนในสไตล์ใหม่ๆที่แตกต่างจากกองทุนทั่วๆไปในประเทศไทย โดยแบ่งเป็นสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศ 25% กองทุนหุ้น 25% และกองทุนตราสารหนี้ 50%
ทั้งนี้ บริษัทจะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 4-6 กองทุนในช่วงครึ่งปีหลัง เริ่มแรกบริษัทจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่เจาะกลุ่มลูกค้าทั่วไป ซึ่งจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่เคยมีมาก่อนในอาเซียน ส่วนช่องทางการขายจะเน้นขายผ่านตัวแทนจำหน่ายทุกรูปแบบทั้งบริษัทประกัน โบรกเกอร์ และธนาคาร โดยปัจจุบันฐานลูกค้าของบริษัทส่วนใหญ่จะมาจากโบรกเกอร์
"เราจะทำให้การไปต่างประเทศง่ายขึ้น และสร้างผลตอบแทน หรือสร้างเพิ่มเติมในแต่ละ product โดยครึ่งปีหลังนี้เราจะออก 4-6 กองทุน ซึ่งจะเริ่มสร้าง Track record ได้ในช่วงเดือนต.ค.-พ.ย.นี้ และเริ่มออกขายในปีถัดไป คาดว่า AUM ทั้งปี 57 จะอยู่ที่ 1,500 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 600 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในต่างประเทศ ด้านผลประกอบการคาดว่าภายใน 3 ปีจะทำให้มีความแข็งแกร่งอย่างชัดเจนและพลิกกลับมามีกำไรได้ จากขณะนี้ยังคงขาดทุนอยู่"นายตรีพล กล่าว
นายตรีพล กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันของการลงทุนในต่างประเทศ มองว่านักลงทุนสามารถกระจายความเสี่ยงไปในหลายๆประเทศได้ โดยประเทศที่บริษัทฯมองว่าสามารถสร้างผลตอบแทนได้ คือ ประเทศสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง และตลาดเกิดใหม่ต่างๆ จากเศรษฐกิจโลกเริ่มมีการฟื้นตัวดีขึ้น
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยคาดว่าดัชนี SET ณ สิ้นปี 57 จะอยู่ที่ระดับ 1,550 จุด โดยมองว่าตลาดหุ้นไทยยังมีอัพไซต์ ซึ่งบลจ.เมย์แบงก์ ยังคงมีมุมมองเชิงบวก เนื่องด้วยเศรษฐกิจโลกมีการปรับตัวดีขึ้นจะส่งผลให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มของพลังงาน แบงก์ และสื่อสาร ที่มองว่าจะมีทิศทางในแง่ของผลประกอบการที่เป็นบวก