นายอดิศักดิ์ รักอริยพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่ขายและการตลาด บมจ.เซ็ปเป้(SAPPE) เปิดเผยว่า พอใจกับราคาที่เปิดซื้อขายหุ้น SAPPE วันนี้ โดยปรับตัวขึ้นไปเหนือจองที่ 13.50 บาท
บริษัทมั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะสูงขึ้นไปแตะ 3 พันล้านบาท หรือเติบโตได้ราว 25-30% จากปีก่อน โดยเป็นการเติบโตทั้งจากยอดขายในประเทศและต่างประเทศ ขณะเดียวกันคาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 2/57 จะดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน และเชื่อว่าในไตรมาส 3/57-ไตรมาส 4/57 จะมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
"เราพอใจกับราคาหุ้นวันนี้ เราเชื่อว่านักลงทุนคงจะเห็นอนาคตที่สดใส และการเติบโตอย่างต่อเนื่องที่เราตั้งเป้าไว้ว่าจะเติบโตได้อย่างน้อยปีละ 20% นอกจากนี้เรายังมีแผนงานการเติบโตด้านกำไรอีกด้วย ซึ่งเราก็อยากจะให้นักลงทุนมองเราเป็นหุ้นปันผล และดูเราในระยะยาว และเราก็มุ่งมั่นที่จะแบ่งปันสิ่งดีดีสู่สังคม"นายอดิศักดิ์ กล่าวด้านนายประเสริฐ ภัทรดิลก กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัดในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน SAPPE เปิดเผยว่า การที่ราคาหุ้น SAPPE เปิดซื้อขายเป็นวันแรกปรับตัวขึ้นไปแรง น่าจะเป็นผลมาจากความเชื่อมั่นในตัวบริษัทที่มีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ไตรมาสที่ 1/57 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงจะส่งผลดีให้กับบริษัทเพิ่มเติมด้วย
"หุ้น SAPPE จะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน ซึ่งทาง SAPPE มีอัตราการเติบโตที่ดี และเติบโตได้อย่างต่เนื่องโดยในช่วงที่ผ่านมามีการเติบโตเฉลี่ยที่ 25-30% จากจุดเข็งของตัวบริษัทฯเอง ทั้งด้านการพัฒนานวัตกรรมให้มีรูปแบบใหม่อยู่เสมอ และการฉีกแนวใหม่ๆ รวมถึงการไม่หยุดนิ่ง"นายประเสริฐ กล่าวทั้งนี้ ทิศทางของหุ้น IPO ในช่วงครึ่งปีหลังก็เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี เนื่องจากความเชื่อมั่นของประชาชนเริ่มกลับมา รวมถึงการลงทุนภาครัฐที่ทาง คณะรักษาความสงบแฟ่งชาติ(คสช.) เข้ามาดำเนินนโยบายต่างๆ ส่งผลให้การบริโภคในประเทศปรับตัวขึ้นด้วย ทำให้มีเงินเข้ามาหมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น
ขณะที่ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินราคาพื้นฐานหุ้น SAPPE ของปี 57 อยู่ที่ 24 บาทต่อหุ้น โดยประเมินกำไรสุทธิปี 57 เติบโตสูงขึ้นถึง 164.02% y-y อยู่ที่ 360.73 ล้านบาท โดยได้รับอานิสงส์มาจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ยอดขายที่เพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะส่วนจากต่างประเทศ, สัดส่วนต้นทุนขายต่อยอดขายที่ลดลงจากการเพิ่มกำลังการผลิต และต้นทุนทางการเงินปรับลดลงจากการนำเงิน IPO ส่วนหนึ่งไปชำระหนี้บางส่วน
บริษัทฯประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มที่เน้นเรื่องสุขภาพและความงามให้แก่ผู้บริโภค ทั้งในและต่างประเทศ โดยแบ่งผลิตภัณฑ์ออกเป็น 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก ภายใต้ 13 ตราสินค้า