ทั้งนี้ ช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.57) มีหลักทรัพย์เข้ามาจดทะเบียนแล้ว 17 หลักทรัพย์ แบ่งเป็น ตลท. 9 หลักทรัพย์,ตลาด mai 4 หลักทรัพย์ และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 4 กอง มูลค่าระดมทุนรวม 52,262 ล้านบาท โดยมีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าไทยโฮเทลอินเวสเม้นต์ (THIF) ระดมทุนสูงสุดถึง 26,200 ล้านบาท ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเสนอขายหน่วยลงทุนสูงที่สุดนับแต่ ตลท. เปิดการซื้อขายกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในปี 2546 เป็นต้นมา
แม้ว่าหลักทรัพย์ที่เข้าจดทะเบียนช่วงครึ่งปีแรกจะมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO รวม 127,140 ล้านบาท ลดลง 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ปัจจุบันมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมของหลักทรัพย์ที่เข้าใหม่นี้ได้เพิ่มขึ้นจากราคา IPO 32% โดยมีราคาสูงกว่าราคา IPO เฉลี่ย 49% (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย.57)
นอกจากนี้ ยังมีหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตและรอเข้าซื้อขายอีก 9 หลักทรัพย์ และมีหลักทรัพย์ที่ยังอยู่ระหว่างพิจารณาคำขออีก 29 หลักทรัพย์ รวมทั้งคาดว่าจนถึงสิ้นปีน่าจะมีหลักทรัพย์ที่จะยื่นคำขอเพิ่มขึ้นอีก 19 หลักทรัพย์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าแม้จะมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองและการลงทุนในประเทศในช่วงที่ผ่านมา แต่ภาคธุรกิจยังมีความเชื่อมั่น และเล็งเห็นประโยชน์จากการระดมทุนในตลาดทุนไทย เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและขยายโอกาสทางธุรกิจ ดังนั้น ตลท. ยังคงกำหนดตามเป้าหมาย Market Cap ที่วางไว้ที่ 210,000 ล้านบาท