สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 57,037 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 40,474 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 71.0% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 11,272 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 19.8% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 2,459 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.3% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB236A, LB196A และ LB21DA (รุ่นอายุ 8.8 ปี, 4.8 ปี และ 7.3 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 6,216 ล้านบาท หรือคิดเป็น 55% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้านหุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของบริษัท ศุภาลัย จำกัด(มหาชน)(SPALI172A) มูลค่า 322.3 ล้านบาท
2. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด(มหาชน)(GLOW218A) มูลค่า 318.2 ล้านบาท
3. หุ้นกู้มีผู้ค้ำประกันของบริษัท ลีสซิ่งไอซีบีซี(ไทย) จำกัด(ICBCTL175A) มูลค่า 190.4 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 830.9 ล้านบาท หรือคิดเป็น 33.8% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 8,375 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,912 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -4,318 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.01% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.08% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01%
Yield Curve ปรับลดลงในตราสารอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 1-5 bps. ในทิศทางเดียวกับ US Treasury โดยผลการประชุม กนง.วันนี้ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.00% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยให้เหตุผลว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย สำหรับนักลงทุนต่างชาติ มีแรงขายในพันธบัตรระยะสั้น ยอดขายสุทธิ(NET SELL) เท่ากับ 4,318 ล้านบาท (ทั้งนี้ มูลค่าส่วนใหญ่เป็นการขายต่อเนื่องจากวันก่อนหน้า)