สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 118,533 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 81,048 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 68.4% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ ตั๋วเงินคลัง มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 14,107 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 11.9% ทางด้านหุ้นกู้เอกชนมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,808 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.5% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB176A และ LB236A (รุ่นอายุ 4.8 ปี, 2.8 ปี และ 8.8 ปี ตามลำดับ)โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 11,300 ล้านบาท หรือคิดเป็น 81% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้านหุ้นกู้เอกชนรุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ด้อยสิทธิ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน)(BAY22NA)มูลค่า 618.6 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของบริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด(มหาชน)(TUF172A) มูลค่า 242.4 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด(มหาชน)(BH16DA) มูลค่า 226.8 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 1,087.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60.2% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 21,435 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 16,781 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -8,774 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.01% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.07% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01%
Yield Curve ปรับลดลงในตราสารอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 1-2 bps. นักลงทุนติดตามตัวเลขเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะตัวเลข Jobless Claims ของสหรัฐฯ ที่จะประกาศออกมาคืนนี้ และจับตาผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB) ซึ่งตลาดคาดว่าน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ตามเดิม สำหรับนักลงทุนต่างชาติยังคงมีแรงขายในพันธบัตรระยะสั้น ยอดขายสุทธิ(NET SELL) เท่ากับ 8,774 ล้านบาท