นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน KTIS เปิดเผยว่า บริษัทคงเป้าหมายรายได้ปีนี้ไว้ที่ 2.2-2.3 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ราว 1.8 หมื่นล้านบาท เนื่องจากการดำเนินงานในทุกๆ ด้านเป็นไปตามแผนที่วางไว้ รวมถึงการรับรู้รายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าที่เข้ามาเพิ่ม
ทั้งนี้ บริษัทยังดำเนินงานตามแผนในการสร้างโรงไฟฟ้า 2 แห่ง ที่มีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 100 เมกะวัตต์ ที่มีมูลค่าการลงทุนราว 2 พันล้านบาท คาดว่าจะสามารถผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงปลายไตรมาส 1/58 ถึงต้นไตรมาส 2/58 ในขณะเดียวกันบริษัทยังมองหาการลงทุนด้านการผลิตไฟฟ้าใหม่ๆอีก เนื่องจากธุรกิจนี้มีมาร์จิ้นค่อนข้างสูง โดยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้บริษัทมีกำไรจากโรงไฟฟ้าขนาด 60 เมกะวัตต์กว่า 200 ล้านบาท
"ปีนี้รายได้ของเราก็ยังจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้เพราะการดำเนินงานด้านต่างๆเราสามารถทำได้ตามแผนที่วางไว้ ซึ่งหลังจากนี้เราก็มีแผนที่จะปรับสัดส่วนรายได้จากน้ำตาลให้ลดลงเหลือ 50% เพื่อที่จะกระจายความเสี่ยงจากราคาน้ำตลาลที่มีความผันผวน ซึ่งปัจจุบันเราก็ยังมองหาการลงทุนโรงไฟฟ้าเพิ่มเติม เพราะมีมาร์จิ้นค่อนข้างสูง รวมถึงวัตถุดิบในการผลิตเองเราก็มีอยู่แล้วด้วย เราจึงมองหาการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าให้มากขึ้น"นายสิริวุทธิ์ กล่าว
สำหรับรายได้จากการขายและการให้บริการในรอบ 6 เดือนแรกของปี 57 จำนวน 8,897.91 ล้านบาท มาจากการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย 6,115.19 ล้านบาท, การจำหน่ายเยื่อกระดาษฟอกขาวจากชานอ้อย 945.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรกของปี 56 ประมาณ 18.7%, จากการผลิตเอทานอล 916.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 6.1%, จากการผลิตไฟฟ้าจากชานอ้อย 532.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 437.3% ที่เหลือคือรายได้จากการบริการจักรกลทางการเกษตรและอื่นๆอีก 387.42 ล้านบาท
สัดส่วนรายได้ครึ่งปีแรกของปี 57 มาจากการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลประมาณ 69% เยื่อกระดาษประมาณ 11% เอทานอลประมาณ 10% ไฟฟ้าจากชานอ้อยประมาณ 6% และอื่นๆประมาณ 4%
นายสิริวุทธิ์ กล่าวว่า แนวโน้มราคาน้ำตาลในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ราว 16 เซ็นต์/ปอนด์ โดยคาดว่าราคาน้ำตาลจะค่อยๆปรับตัวขึ้น และจะขยับขึ้นไปถึง 19-20 เซ็นต์/ปอนด์ตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 1/58 เป็นต้นไป เนื่องจากปริมาณผลผลิตน้ำตาลของโลกเริ่มปรับตัวลดลงเข้าใกล้กับความต้องการของตลาดแล้ว และปีหน้าคาดว่าความต้องการจะเพิ่มขึ้นอีกจากเศรษฐกิจที่กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง แต่ปริมาณผลผลิตน้ำตาลในปีนี้มีแนวโน้มลดลงจากความแห้งแล้งในบราซิลและในประเทศไทยเอง ทำให้ผลผลิตรวมในตลาดโลกปรับตัวลดลง โดยคาดว่าฤดูการผลิตนี้ปริมาณผลผลิตน้ำตาลของไทยจะไม่ถึง 100 ล้านตัน จากก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะมีการผลิตถึง 102-103 ล้านตัน
นายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจชีวพลังงานและผลิตภัณฑ์ กลุ่ม KTIS กล่าวว่า การจำหน่ายน้ำตาลทรายส่งออกในช่วงครึ่งปีแรกนั้น มีการรับรู้รายได้ล่าช้ากว่าปีที่ผ่านๆมา เนื่องจากการรับมอบน้ำตาลที่ซื้อจากโรงงานน้ำตาลทรายในประเทศไทยล่าช้ากว่าทุกปี สาเหตุจากผู้ซื้อสามารถเลือกใช้สิทธิในการรับมอบน้ำตาล ซึ่งกำหนดระยะเวลาการส่งมอบไว้แล้วนั้นให้ล่าช้าที่สุด เนื่องจากสภาวะน้ำตาลโลกล้นตลาดในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม KTIS ได้ทำสัญญาซื้อขายน้ำตาลไว้ครบถ้วนแล้ว ดังนั้น เมื่อถึงกำหนดเวลาตามสัญญาผู้ซื้อก็ต้องรับมอบน้ำตาล จึงเชื่อว่าการรับมอบน้ำตาลในช่วงครึ่งหลังของปีจะเพิ่มมากขึ้นและทำให้รายได้ของธุรกิจน้ำตาลกลับเข้ามาเต็มที่
“ภาวะการรับมอบน้ำตาลล่าช้าในช่วงครึ่งปีแรกไม่ได้เป็นเฉพาะของเรา แต่เป็นทั้งอุตสาหกรรม ทำให้ปริมาณน้ำตาลที่จะส่งมอบในช่วงครึ่งปีหลังมีจำนวนมากกว่าปกติ ซึ่งจะส่งผลต่อการรับรู้รายได้ที่มากขึ้นด้วย ดังนั้น จึงมั่นใจว่ารายได้รวมของปี 57 จะสูงกว่าปี 56" นายณัฎฐปัญญ์ กล่าว