สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย( 4 ก.ย. 57) มีมูลค่าการซื้อขายรวม 66,157 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 52,162 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 78.8% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 9,134 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 13.8% ทางด้านหุ้นกู้เอกชนมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,880 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.8% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB236A และ LB176A(รุ่นอายุ 4.8 ปี, 8.8 ปี และ 2.8 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 5,706 ล้านบาท หรือคิดเป็น 62% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้านหุ้นกู้เอกชนรุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน)(PTTGC218A) มูลค่า 315.9 ล้านบาท
2. หุ้นกู้บริษัท ไทยออยล์ จำกัด(มหาชน)(TOP273A) มูลค่า 235.3 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน)(CPN15OA) มูลค่า 202.9 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 754.0 ล้านบาท หรือคิดเป็น 40.1% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 16,765 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,423 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 157 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.01% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.07% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน
Yield Curve ค่อนข้างนิ่งในทุกช่วงอายุตราสาร เปลี่ยนแปลงไม่เกิน 1 bp. เนื่องจากยังขาดปัจจัยใหม่ๆ นักลงทุนติดตามการประชุมนัดพิเศษของ คสช.ในวันศุกร์ที่ 5 ก.ย. นี้ โดยคาดว่าจะมีการประกาศยกเลิกกฎอัยการศึก ด้านปัจจัยต่างประเทศตลาดยังคงติดตามผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB) คืนนี้สำหรับนักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ(NET BUY) เท่ากับ 157 ล้านบาท