"น้ำตาลบุรีรัมย์"เผยก.ล.ต.อนุมัติไฟลิ่งเสนอขายหุ้น IPO 169.18 ล้านหุ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 24, 2014 11:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายคมกฤต มีคำสัตย์ ผู้อำนวยการอาวุโส บล.เคที ซีมิโก้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย บมจ. น้ำตาลบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า หลังจากได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (แบบไฟลิ่ง) และยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต.ได้อนุมัติแบบไฟลิ่งของ บมจ.น้ำตาลบุรีรัมย์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ บมจ.น้ำตาลบุรีรัมย์ จะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 169,182,500 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้วจำนวน 676,750,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท

บริษัทเป็นผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายดิบ น้ำตาลทรายขาวสีรำส่งจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงนำผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำตาลทราย เช่น กากอ้อย และกากหม้อกรองไปต่อยอดทางธุรกิจอย่างครบวงจร ผ่านการดำเนินงานภายใต้บริษัทย่อย 5 บริษัท ได้แก่ บริษัท โรงงานน้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด บริษัท บุรีรัมย์พลังงาน จำกัด บริษัท ปุ๋ยตรากุญแจ จำกัด บริษัท บุรีรัมย์วิจัยและพัฒนาอ้อย จำกัด และบริษัท บุรีรัมย์ เพาเวอร์ จำกัด

“หลังจาก ก.ล.ต. อนุมัติแบบคำขอแล้ว ที่ปรึกษาทางการเงินและบริษัทจะกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสมในการเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไป โดยคาดว่าจะอยู่ในช่วงเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งเชื่อว่าด้วยพื้นฐานและประสบการณ์การดำเนินธุรกิจน้ำตาลทรายที่มุ่งพัฒนาคุณภาพผลผลิตน้ำตาลทราย และนำผลพลอยได้มาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มสูงสุดให้แก่ธุรกิจ โดยมุ่งเน้นไปสู่ธุรกิจพลังงานทดแทน เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล ของ บมจ.น้ำตาลบุรีรัมย์ ซึ่งจะทำให้หุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างแน่นอน" นายคมกฤต กล่าว

ด้านนายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานกรรมการบริหาร น้ำตาลบุรีรัมย์ กล่าวว่า บริษัทมีประสบการณ์ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมน้ำตาลทรายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากว่า 50 ปี โดยดำเนินการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายทั้งในและต่างประเทศและนำผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำตาลทรายไปต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจอย่างครบวงจร ภายใต้นโยบายมุ่งพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจน้ำตาลทราย เพื่อสร้างผลตอบแทนสูงสุด โดยนำกากอ้อยไปผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้าชีวมวล ผลิตและจำหน่ายปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมีภายใต้แบรนด์ ปุ๋ยตรากุญแจ เป็นต้น

บริษัทได้ให้ความสำคัญคุณภาพผลผลิตอ้อย โดยส่งเสริมพัฒนาให้ความรู้ชาวไร่อ้อย การคัดเลือกพันธุ์อ้อยและปุ๋ยที่เหมาะสมต่อพื้นที่ ตลอดจนนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ช่วยจัดการแปลงเพาะปลูกส่งผลให้ผลผลิตน้ำตาลต่อตันอ้อยเพิ่มขึ้นจาก 105 กิโลกรัมเป็น 118 กิโลกรัม นับเป็นผลผลิตที่สูงเป็นอันดับ 2 ของอุตสาหกรรมน้ำตาลทรายไทยเมื่อเปรียบเทียบตามกลุ่มผู้ผลิต โดยฤดูการผลิตปี 56/57 ที่ผ่านมา มีผลผลิตอ้อยเข้าหีบ 1.77 ล้านตันอ้อย ผลิตเป็นน้ำตาลทรายส่งจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ 208,800 ตัน และในฤดูการหีบอ้อยปีนี้ โรงงานน้ำตาลบุรีรัมย์สามารถรองรับผลผลิตเข้าหีบได้เป็น 2 หมื่นตันต่อวัน หรือคิดเป็นปริมาณอ้อย 2 ล้านตันเศษ ซึ่งส่งผลดีต่อการผลิตน้ำตาลทรายได้เพิ่มขึ้น

บริษัทมีแผนนำผลพลอยได้จากกระบวนการหีบอ้อยที่เพิ่มขึ้นต่อยอดสู่ธุรกิจพลังงานไฟฟ้าชีวมวลภายใต้แนวคิด ‘พลังงานไฟฟ้าเพื่อชุมชนและสังคม’ โดยบริษัทฯ มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าชีวมวล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าชีวมวลจากกากอ้อยแห่งที่ 2 กำลังการผลิต 8 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ให้ กฟภ.ในเดือนกุมภาพันธ์ 2558 จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 1 แห่ง กำลังการผลิต 8 เมกะวัตต์ ที่เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ไปแล้วตั้งแต่พฤษภาคม 2555 ที่ผ่านมา

ส่วนกากหม้อกรองที่เกิดจากผลพลอยได้กระบวนการผลิตน้ำตาลทรายเช่นกัน จะถูกนำไปใช้เป็นวัตถุดิบผลิตปุ๋ยอินทรีย์ที่มีคุณภาพเหมาะสมต่อการเพาะปลูกอ้อย โดยมีกำลังการผลิตประมาณ 30,000 ตันต่อปี ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท ปุ๋ยตรากุญแจ จำกัด อีกด้วย

“เราถือเป็นผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมผลิตน้ำตาลทรายในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วยประสบการณ์ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายในภูมิภาคนี้มากว่า 50 ปี โดยเรามุ่งเน้นการพัฒนาสายการผลิตต่างๆ ให้มีความแข็งแกร่งอย่างครบวงจร โดยเฉพาะปรัชญาการทำงานของเราที่เชื่อว่า ‘น้ำตาลสร้างในไร่’ เราจึงเน้นส่งเสริมพัฒนาให้ความรู้เกษตรกรชาวไร่อ้อยในการเพาะปลูก ตลอดจนการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการจัดการแปลงอ้อยเพื่อให้ได้อ้อยที่มีคุณภาพเพื่อนำไปผลิตน้ำตาลทราย ซึ่งช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อยและการสร้างความมั่นคงด้านวัตถุดิบเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ส่งผลให้ธุรกิจของเราและชาวไร่อ้อยเติบโตอย่างยั่งยืน" นายอนันต์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ